ประวัติบริษัท
ธุรกิจของบริษัทฯ ก่อตั้งขึ้นโดยนายอดิศักดิ์ ตั้งมิตรประชา และนางนาตยา ตั้งมิตรประชา ในปี 2526 ภายใต้ชื่อห้างหุ้นส่วนจำกัด ศ. อุบลวัสดุ เพื่อจำหน่ายสินค้าจำพวกเหล็ก วัสดุมุงหลังคา ไม้อัด และสินค้าวัสดุก่อสร้าง มีที่ตั้งอยู่ที่ถนนสรรพสิทธิ์ อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี จากแนวทางการดำเนินธุรกิจด้วยการขายสินค้าคุณภาพดี ราคาถูก และหลากหลาย ส่งผลให้ธุรกิจเติบโตอย่างรวดเร็ว
ต่อมาในปี 2536 ห้างหุ้นส่วนจำกัด ศ. อุบลวัสดุ ย้ายที่ตั้งร้านค้ามาที่ตำบลวารินชำราบ อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเป็นที่ตั้งสาขาอุบลราชธานีในปัจจุบัน และบริษัทฯ ได้ถูกจดทะเบียนจัดตั้งขึ้นภายใต้ชื่อ บริษัท อุบลวัสดุ จำกัด เพื่อประกอบธุรกิจแทนห้างหุ้นส่วนจำกัด ศ. อุบลวัสดุ ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 20.00 ล้านบาท เพื่อประกอบธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งวัสดุก่อสร้างและอุปกรณ์ตกแต่งบ้านแบบครบวงจร โดยใช้ชื่อทางการค้าว่า “อุบลวัสดุ” และในปี 2546 บริษัทฯ ได้เริ่มขยายพื้นที่สาขาอุบลราชธานีเพื่อรองรับการขยายกลุ่มสินค้าเพิ่มเติมให้ครอบคลุมกับความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม และได้นำรูปแบบการค้าแบบธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ (Modern Trade) มาปรับใช้กับร้านค้าวัสดุก่อสร้างรูปแบบเดิม โดยปรับรูปแบบสาขาเป็นลักษณะคลังสินค้าที่มีการแบ่งพื้นที่สำหรับส่วนค้าปลีกและค้าส่ง รวมถึงการนำระบบบาร์โค้ด และระบบการบริหารจัดการสินค้าคงคลังที่ทันสมัยมาใช้ ส่งผลให้บริษัทฯ มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องและแข็งแกร่ง
ในปี 2550 บริษัทฯ ได้เปิดดำเนินการสาขานครราชสีมาซึ่งเป็นสาขาที่ 2 ที่ตำบลหนองบัวศาล อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา โดยเริ่มใช้ชื่อทางการค้าใหม่ว่า “ดูโฮม ในเครือบริษัท อุบลวัสดุ จำกัด” เพื่อให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ในการดำเนินธุรกิจที่มุ่งมั่นที่จะเป็นศูนย์รวมสินค้าและบริการด้านวัสดุก่อสร้างและอุปกรณ์ตกแต่งบ้านที่ครบ ถูก และดีที่สุดสำหรับลูกค้าทุกกลุ่ม
หลังจากนั้นบริษัทฯ มีการเปิดดำเนินการสาขาใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยได้ขยายสาขาไปยังภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ทั้งนี้ ณ ปัจจุบัน บริษัทฯ มีสาขาที่เปิดดำเนินการแล้วทั้งสิ้น 35 สาขา และศูนย์กระจายสินค้า (Distribution Center) 1 แห่ง
ปัจจุบัน บริษัทฯ เป็นหนึ่งในผู้นำในธุรกิจค้าปลีก ค้าส่ง และให้บริการด้านวัสดุก่อสร้างและอุปกรณ์ตกแต่งบ้านแบบครบวงจร ภายใต้แนวคิดการดำเนินธุรกิจ “ครบ ถูก ดี...ที่ดูโฮม” โดยมุ่งเน้นการนำเสนอสินค้าด้านวัสดุก่อสร้างและอุปกรณ์ตกแต่งบ้านที่ครบถ้วน หลากหลาย คุณภาพดี ราคาถูก และให้บริการที่เกี่ยวเนื่องแบบครบวงจร บริษัทฯ มีแผนที่จะขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่องไปยังจังหวัดที่มีศักยภาพในการเติบโต เพื่อรองรับกำลังซื้อของประชากรที่เพิ่มขึ้นและการขยายตัวของสังคมเมือง
2566
2565
2564
2563
2562
2561
2560
2559
2558
2557
2556
2555
2554
2553
2552
2550
2546
2544
2543
2539
2536
2526
- ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2566 เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2566 ได้มีมติอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทเป็น 3,089,330,247 บาท (สามพันแปดสิบเก้าล้านสามแสนสามหมื่นสองร้อยสี่สิบเจ็ดบาทถ้วน) โดยออกเป็นหุ้นสามัญรวม 181,725,310 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ หุ้นละ 1.00 บาท เพื่อรองรับการจ่ายปันผลเป็นหุ้นสามัญ และเพื่อรองรับการปรับสิทธิของใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯ ที่จัดสรรให้แก่พนักงานของบริษัท ครั้งที่ 1 ชุดที่ 2 (ESOP-W2) และชุดที่ 3 (ESOP-W3)
- ในเดือนกันยายน 2566 บริษัทฯ ได้รับการรับรองการเข้าร่วมแนวร่วมต่อต้านคอร์รัปชันของภาคเอกชนไทย (CAC)
- เปิดดำเนินการสาขาขนาดใหญ่ 3 สาขา ได้แก่ สาขาเชียงราย สาขาอยุธยา และสาขาบางพูน และเปิดสาขาขนาดเล็ก (Dohome ToGo) 6 สาขา ได้แก่ สาขาท่าอิฐ สาขาซอยมังกร สาขาวัดกู้ สาขาแก้วอินทร์ สาขาคลอง 7 ลำลูกกา และสาขาคลอง 4 ลำลูกกา
- ปิดสาขาขนาดเล็ก (Dohome ToGo) 3 สาขา ได้แก่ สาขาเทสโก้โลตัส บางนา และสาขาตลาดไทยรุ่งทิพย์ คลองด่าน และสาขาตลาดชัชวาล (ย้ายไปสาขาคลอง 7 ลำลูกกา)
- ทำให้ ณ สิ้นปี 2566 บริษัทฯ มีสาขาขนาดใหญ่ 24 สาขา สาขาขนาดเล็ก (Dohome ToGo) 11 สาขา และศูนย์กระจายสินค้า 1 สาขา
- ในเดือนมกราคม 2565 บริษัทฯ เปิดดำเนินการ สาขาขนาดเล็ก (Dohome ToGo) ที่ตลาดมารวย
- ในเดือนกุมภาพันธ์ 2565 บริษัทฯ ปิดดำเนินการ สาขาขนาดเล็ก (Dohome ToGo) ที่เทสโก้ โลตัส สาขาโคราช
- ในเดือนมีนาคม 2565 บริษัทฯ เปิดดำเนินการ สาขาหาดใหญ่ เป็นสาขาที่ 17
- ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2565 เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2565 ได้มีมติอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทเป็น 2,907,618,627 บาท (สองพันเก้าร้อยเจ็ดล้านหกแสนหนึ่งหมื่นแปดพันหกร้อยยี่สิบเจ็ดบาทถ้วน) โดยออกเป็นหุ้นสามัญรวม 484,603,105 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ หุ้นละ 1.00 บาท เพื่อรองรับการจ่ายปันผลเป็นหุ้นสามัญ และเพื่อรองรับการปรับสิทธิของใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯ ที่จัดสรรให้แก่พนักงานของบริษัทฯ ครั้งที่ 1 ชุดที่ 2 (ESOP-W2) และชุดที่ 3 (ESOP-W3)
- ในเดือนมิถุนายน 2565 บริษัทฯ เปิดดำเนินการ สาขาพิษณุโลก เป็นสาขาที่ 18
- ในเดือนกรกฎาคม 2565 บริษัทฯ เปิดดำเนินการ สาขากาญจนบุรี เป็นสาขาที่ 19
- ในเดือนกันยายน 2565 บริษัทฯ และเปิดดำเนินการ สาขาบุรีรัมย์ เป็นสาขาที่ 20
- ในเดือนพฤศจิกายน 2565 บริษัทฯ เปิดดำเนินการ สาขาชัยภูมิ เป็นสาขาที่ 21 และปิดดำเนินการ สาขาขนาดเล็ก (Dohome ToGo) ที่สาขาบิ๊กซี บางพลี
- ทำให้ ณ สิ้นปี 2565 บริษัทฯ สาขาขนาดใหญ่ 21 สาขาขนาดเล็ก (Dohome ToGo) 8 สาขา และศูนย์กระจายสินค้า 1 สาขา
- ในเดือนกุมภาพันธ์ 2564 บริษัทฯ เปิดดำเนินการ สาขาขนาดเล็ก (Dohome ToGo) ที่ตลาดทับยาว ลาดกระบัง
- ในเดือนมีนาคม 2564 บริษัทฯ เปิดดำเนินการสาขาแหลมฉบัง เป็นสาขาที่ 13
- ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2564 เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2564 ได้มีมติอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทเป็น 3,243,684,982.00 บาท (สามพันสองร้อยสี่สิบสามล้านหกแสนแปดหมื่นสี่พันเก้าร้อยหกสิบสองบาทถ้วน) โดยออกเป็นหุ้นสามัญรวม 1,078,167,016 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ หุ้นละ 1.00 บาท เพื่อรองรับการจ่ายปันผลเป็นหุ้นสามัญ การเพิ่มทุนจดทะเบียนแบบมอบอำนาจทั่วไป และการออกและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯ ให้แก่พนักงานของกลุ่มบริษัทฯ
- ในเดือนมิถุนายน 2564 บริษัทฯ เปิดดำเนินการสาขาบ่อวิน เป็นสาขาที่ 14
- ในเดือนพฤศจิกายน 2564 บริษัทฯ เปิดดำเนินการสาขาชลบุรี เป็นสาขาที่ 15
- ในเดือนธันวาคม 2564 บริษัทฯ เปิดดำเนินการสาขาสุราษฎร์ธานี เป็นสาขาที่ 16 และสาขาขนาดเล็ก (Dohome ToGo) ที่ตลาดมารวย ทำให้ ณ สิ้นปี 2564 บริษัทฯ มีสาขาขนาดใหญ่ทั้งสิ้น 16 สาขา สาขาขนาดเล็ก (Dohome ToGo) 10 สาขา และศูนย์กระจายสินค้า 1 สาขา
- ในเดือนมกราคม 2563 บริษัทฯ เปิดดำเนินการ สาขาขนาดเล็ก (Dohome ToGo) ที่เทสโก้ โลตัส สาขาบางนา
- ในเดือนมิถุนายน 2563 บริษัทฯ ได้รับการคัดเลือกเข้าดัชนี SET100 จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
- ในเดือนมิถุนายน 2563 บริษัทฯ เปิดดำเนินการ สาขาขนาดเล็ก (Dohome ToGo) ที่คอสโม วอร์ค เมืองทองธานี และตลาดชัชวาล คลอง 7
- ในเดือนกรกฎาคม 2563 บริษัทฯ เปิดดำเนินการสาขาสุรินทร์ เป็นสาขาที่ 11
- ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2563 เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2563 ได้มีมติอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทเป็น 2,165,520,000.00 บาท (สองพันหนึ่งร้อยหกสิบห้าล้านห้าแสนสองหมื่นบาทถ้วน) โดยออกเป็นหุ้นสามัญรวม 309,360,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ หุ้นละ 1.00 บาท เพื่อรองรับการจ่ายปันผลเป็นหุ้นสามัญ
- ในเดือนกันยายน 2563 บริษัทฯ เปิดดำเนินการสาขามาบตาพุด เป็นสาขาที่ 12 และเปิดดำเนินการ สาขาขนาดเล็ก (Dohome ToGo) ที่ตลาดไทยสมบูรณ์ รังสิตคลอง 3
- ในเดือนตุลาคม 2563 บริษัทฯ เปิดดำเนินการ สาขาขนาดเล็ก (Dohome ToGo) ที่ตลาดรวยทรัพย์ บางพลี
- ในเดือนธันวาคม 2563 บริษัทฯ เปิดดำเนินการ สาขาขนาดเล็ก (Dohome ToGo) ที่ตลาดไทยรุ่งทิพย์ คลองด่าน ทำให้ ณ สิ้นปี 2563 บริษัทฯ มีสาขาขนาดใหญ่ทั้งสิ้น 12 สาขา สาขาขนาดเล็ก (Dohome ToGo) 11 สาขา และศูนย์กระจายสินค้า 1 สาขา
- ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2562 เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2562 มีมติแก้ไขการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ จำนวนไม่เกิน 456,160,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาทเพื่อเสนอขายให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) และมติรับทราบการที่ Amplus Holdings Limited ผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ จะนำหุ้นสามัญเดิมจำนวนไม่เกิน 56,160,000 หุ้น เพื่อรองรับการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน (Overallotment) ทั้งนี้ จำนวนหุ้นที่เสนอขายต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรกและหุ้นรองรับการจัดสรรหุ้นส่วนเกินของ Amplus Holdings Limited จะรวมกันไม่เกิน 68,000,000 หุ้น
- ในเดือนกรกฎาคม 2562 บริษัทฯ เปิดดำเนินการ Dohome ToGo ที่แม็คโคร สาขาจรัญสนิทวงศ์ และสาขาสาทร
- บริษัทเข้าทำการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2562
- ในเดือนพฤศจิกายน 2562 บริษัทฯ เปิดดำเนินการสาขาเพชรเกษม เป็นสาขาที่ 10 และเปิดดำเนินการ Dohome ToGo สาขาบิ๊กซี บางพลี
- ในเดือนธันวาคม 2562 บริษัทฯ เปิดดำเนินการ Dohome ToGo ที่ เทสโก้ โลตัส สาขาโคราช และเปิดดำเนินการ Dohome ToGo สาขาห้างพันธุ์ทิพย์พลาซ่า งามวงศ์วาน ทำให้ ณ สิ้นปี 2562 บริษัทฯ มีสาขาขนาดใหญ่ทั้งสิ้น 10 สาขา Dohome ToGo 5 สาขา และ ศูนย์กระจายสินค้า 1 สาขา
- ในเดือนกุมภาพันธ์ 2561 บริษัทฯ จดทะเบียนจัดตั้ง บริษัท คิดดีโลจิสติกส์ จำกัด (“KIDDEE”) ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 10.00 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 100,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100.00 บาท ทั้งนี้ บริษัทฯ เป็นผู้ถือหุ้นร้อยละ 91.0 เพื่อดำเนินธุรกิจให้บริการจัดส่งสินค้า
- ในเดือนเมษายน 2561 บริษัทฯ เปิดดำเนินการสาขาบางนา เป็นสาขาที่ 9
- ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 3/2561 (ก่อนการแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนจำกัด) เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2561 มีมติรับทราบการเสนอขายหุ้นของ Amplus Holdings Limited ผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ พร้อมกับการเสนอขายหุ้นสามัญที่ออกใหม่ของบริษัทฯ ต่อประชาชนโดยทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 68,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท
- ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2561 (ก่อนการแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนจำกัด) เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2561 มีมติดังนี้
- อนุมัติการแปรสภาพจากบริษัทจำกัดเป็นบริษัทมหาชนจำกัด และเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท ดูโฮม จำกัด (มหาชน) ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้จดทะเบียนแปรสภาพจากบริษัทจำกัดเป็นบริษัทมหาชนจำกัดเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2561
- เปลี่ยนแปลงมูลค่าที่ตราไว้ของหุ้นสามัญของบริษัทฯ จากเดิมหุ้นละ 100.00 บาท เป็นหุ้นละ 1.00 บาท ส่งผลให้บริษัทฯ มีจำนวนหุ้นเพิ่มขึ้นจาก 14,000,000 หุ้น เป็น 1,400,000,000 หุ้น
- เพิ่มทุนจดทะเบียนจำนวน 400.00 ล้านบาท ส่งผลให้ทุนจดทะเบียนเพิ่มขึ้นจาก 1,400.00 ล้านบาท เป็น 1,800.00 ล้านบาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 400,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท เพื่อเสนอขายต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO)
- ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2561 (ภายหลังการแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนจำกัด) เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2561 มีมติแก้ไขการเพิ่มทุนจดทะเบียนและการจัดสรรหุ้นดังนี้
- เพิ่มทุนจดทะเบียนจำนวนไม่เกิน 456.16 ล้านบาท ส่งผลให้ทุนจดทะเบียนเพิ่มขึ้นจาก 1,400.00 ล้านบาท เป็น 1,856.16 ล้านบาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 456,160,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท แบ่งเป็น (1) การจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 400.00 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท เพื่อเสนอขายให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) และ (2) การจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 56.10 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท เพื่อรองรับการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน (Overallotment)
- ในเดือนพฤษภาคม 2561 เพื่อขจัดความขัดแย้งทางผลประโยชน์ บริษัทฯ ซื้อหุ้นของ KIDDEE จากนางสาวอริยา ตั้งมิตรประชา นางสลิลทิพ เรืองสุทธิภาพ นายมารวย ตั้งมิตรประชา และบริษัท ดูโฮมโฮลดิ้ง จำกัด ส่งผลให้บริษัทฯ ถือหุ้นใน KIDDEE ร้อยละ 100.0 นอกจากนี้ บริษัทฯ ขายหุ้นของบริษัท ดูโฮมแลนด์ จำกัด (“ดูโฮมแลนด์”) ทั้งหมดให้แก่นายอดิศักดิ์ ตั้งมิตรประชา
- ในเดือนมิถุนายน 2561 บริษัทฯ เปิดดำเนินการศูนย์กระจายสินค้า (Distribution Center) ที่จังหวัดปทุมธานี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการคลังสินค้า
- ในเดือนกรกฎาคม 2561 บริษัทฯ จดทะเบียนจัดตั้ง (1) บริษัท ดูโฮม ออโตเมชั่น จำกัด (“Dohome Automation”) ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 5.00 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 50,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100.00 บาท โดยมีบริษัทฯ เป็นผู้ถือหุ้นร้อยละ 100.0 เพื่อดำเนินธุรกิจให้บริการระบบคลังสินค้าอัตโนมัติแก่กลุ่มบริษัทฯ และ (2) บริษัท ดูโฮม เอนเนอร์จี จำกัด (“Dohome Energy”) ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 5.00 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 50,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100.00 บาท โดยมีบริษัทฯ เป็นผู้ถือหุ้นร้อยละ 100.0 เพื่อดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา (Solar Rooftop) ให้แก่กลุ่มบริษัทฯ
- ในเดือนพฤศจิกายน 2561 Dohome Energy เพิ่มทุนจดทะเบียนจำนวน 55.00 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 550,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100.00 บาท ส่งผลให้ Dohome Energy มีทุนจดทะเบียนเพิ่มขึ้นเป็น 60.00 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นเงินลงทุนสำหรับแผงผลิตไฟฟ้าหพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา (Solar Rooftop)
- ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 9/2560 เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2560 มีมติอนุมัติแผนการปรับโครงสร้างกลุ่มบริษัทฯ เพื่อเตรียมความพร้อมในการเสนอขายหุ้นสามัญของ
บริษัทฯ ต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) และนำบริษัทฯ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (“ตลาดหลักทรัพย์ฯ)
- บริษัทฯ เปิดตัวช่องทางการจัดจำหน่ายแบบออนไลน์ (E-Commerce) ภายใต้ชื่อ "Dohome Shop Online" โดยลูกค้าสามารถเลือกสินค้าออนไลน์ผ่านทางเว็บไซต์ของบริษัทฯ ที่ www.dohome.co.th
- บริษัทฯ เริ่มมีการออกแบบ จ้างผลิต และจำหน่ายสินค้าภายใต้ตราสินค้าของกลุ่มบริษัทฯ (House Brand) เพื่อเพิ่มความสามารถในการทำกำไรของบริษัทฯ
- บริษัทฯ จัดตั้งทีมงานเพื่อพัฒนาการฝึกอบรมพนักงาน เพื่อเพิ่มพูนความรู้ ทักษะ และความชำนาญ รวมทั้งประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของพนักงานในทุกระดับ และเตรียมพร้อมบุคลากรเพื่อรองรับการขยายสาขาในอนาคต
- บริษัทฯ ร่วมมือกับผู้ให้บริการภายนอกเปิดศูนย์ซ่อมบำรุงเครื่องมือช่างที่สาขาอุบลราชธานี สาขาโคราช สาขารังสิต และสาขาขอนแก่น
- ในเดือนตุลาคม 2558 และเดือนธันวาคม 2558 บริษัทฯ เปิดดำเนินการสาขาบางบัวทองเป็นสาขาที่ 7 และสาขาเชียงใหม่เป็นสาขาที่ 8 ตามลำดับ
- บริษัทฯ จดทะเบียนเปลี่ยนชื่อจากบริษัท อุบลวัสดุ จำกัด เป็นบริษัท ดูโฮม จำกัด
- บริษัทฯ ขายหุ้นของ DHG ทั้งหมดให้แก่นายอดิศักดิ์ ตั้งมิตรประชา นางนาตยา ตั้งมิตรประชา นางสาวอริยา ตั้งมิตรประชา นางสลิลทิพ เรืองสุทธิภาพ และนายมารวย ตั้งมิตรประชา (รวมเรียกว่า “ครอบครัวตั้งมิตรประชา”)
- บริษัทฯ เพิ่มทุนจดทะเบียนจำนวน 390.00 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 3,900,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100.00 บาท ส่งผลให้บริษัทฯ มีทุนจดทะเบียนเพิ่มขึ้นเป็น 1,000.00 ล้านบาท เพื่อปรับโครงสร้างเงินทุนให้มีความเหมาะสม และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการ
- ในเดือนธันวาคม 2557 บริษัทฯ เปิดดำเนินการสาขาพระราม 2 เป็นสาขาที่ 6
- ในเดือนธันวาคม 2556 บริษัทฯ เปิดดำเนินการสาขาอุดรธานีเป็นสาขาที่ 5
- ในเดือนมิถุนายน 2555 บริษัทฯ เปิดดำเนินการสาขาขอนแก่นเป็นสาขาที่ 4
- บริษัทฯ เพิ่มทุนจดทะเบียนจำนวน 210.00 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 2,100,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100.00 บาท ส่งผลให้บริษัทฯ มีทุนจดทะเบียนเพิ่มขึ้นเป็น 610.00 ล้านบาท เพื่อปรับโครงสร้างเงินทุนให้มีความเหมาะสม และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการ
- DHG เพิ่มทุนจดทะเบียนจำนวน 397.50 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 3,975,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100.00 บาท ส่งผลให้บริษัทฯ มีทุนจดทะเบียนเพิ่มขึ้นเป็น 400.00 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นเงินลงทุนสำหรับซื้อที่ดิน
- ในเดือนกรกฎาคม 2553 บริษัทฯ เปิดดำเนินการสาขารังสิตเป็นสาขาที่ 3
- บริษัทฯ เพิ่มทุนจดทะเบียนจำนวน 100.00 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 1,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100.00 บาท ส่งผลให้บริษัทฯ มีทุนจดทะเบียนเพิ่มขึ้นเป็น 400.00 ล้านบาท เพื่อปรับโครงสร้างเงินทุนให้มีความเหมาะสม และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการ
- บริษัทฯ นำโปรแกรม SAP ECC 6.0 ซึ่งจะเชื่อมต่อกับโปรแกรมขายหน้าร้าน (Point of Sale) มาใช้ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการบริหารจัดการ พัฒนาบริษัทฯ ให้มีขีดความสามารถในการดำเนินธุรกิจเพิ่มสูงขึ้น และรองรับกระบวนการทำงานหลักขององค์กร อาทิ ระบบบัญชีและการเงิน และการบริหารจัดการสินค้าคงคลัง
- DHG ลดทุนจดทะเบียนจำนวน 7.50 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 75,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100.00 บาท ส่งผลให้ DHG มีทุนจดทะเบียนลดลงเป็น 2.50 ล้านบาท
- ในเดือนกันยายน 2550 บริษัทฯ เปิดดำเนินการสาขานครราชสีมาเป็นสาขาที่ 2 และได้เริ่มใช้ชื่อทางการค้าใหม่ว่า “ดูโฮม ในเครือบริษัท อุบลวัสดุ จำกัด”
- ระหว่างปี 2546 - 2549 บริษัทฯ มีการเพิ่มทุนจดทะเบียนอย่างต่อเนื่องเพื่อปรับโครงสร้างเงินทุนให้มีความเหมาะสม และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการ โดยมีรายละเอียดดังนี้
- ในปี 2546 บริษัทฯ เพิ่มทุนจดทะเบียนจำนวน 30.00 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 300,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100.00 บาท ส่งผลให้บริษัทฯ มีทุนจดทะเบียนเพิ่มขึ้นเป็น 50.00 ล้านบาท
- ในปี 2547 บริษัทฯ เพิ่มทุนจดทะเบียนจำนวน 130.00 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 1,300,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100.00 บาท ส่งผลให้บริษัทฯ มีทุนจดทะเบียนเพิ่มขึ้นเป็น 180.00 ล้านบาท
- ในปี 2549 บริษัทฯ เพิ่มทุนจดทะเบียนจำนวน 120.00 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 1,200,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100.00 บาท ส่งผลให้บริษัทฯ มีทุนจดทะเบียนเพิ่มขึ้นเป็น 300.00 ล้านบาท
- บริษัทฯ ได้นำรูปแบบการค้าแบบธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ (Modern Trade) มาปรับใช้กับร้านค้าวัสดุก่อสร้างรูปแบบเดิม โดยปรับรูปแบบสาขาเป็นลักษณะคลังสินค้าที่มีการแบ่งพื้นที่สำหรับส่วนค้าปลีกและค้าส่ง เป็นที่รวบรวมสินค้าวัสดุก่อสร้าง อุปกรณ์ตกแต่งบ้าน อุปกรณ์เกษตรและสวน และเครื่องมือช่างแบบครบวงจร รวมถึงการนำระบบบาร์โค้ด และระบบการบริหารจัดการสินค้าคงคลังที่ทันสมัยมาใช้
- DHG เพิ่มทุนจดทะเบียนจำนวน 5.00 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 50,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100.00 บาท ส่งผลให้ DHG มีทุนจดทะเบียนเพิ่มขึ้นเป็น 10.00 ล้านบาท
- บริษัทฯ ใช้ความได้เปรียบจากการเป็นผู้นำในตลาดค้าปลีกและค้าส่งวัสดุก่อสร้างและอุปกรณ์ตกแต่งบ้านในภาคตะวันออกเฉียงเหนือในการขยายตลาดไปยังกลุ่มลูกค้าในประเทศลาว
- บริษัท ดูโฮม กรุ๊ป จำกัด (“DHG”) (เดิมชื่อบริษัท อุบลมารวยวัสดุอิมปอร์ตเอ็กซ์ปอร์ต จำกัด) ได้ถูกจดทะเบียนจัดตั้งขึ้น ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 5.00 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 50,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100.00 บาท
- ห้างหุ้นส่วนจำกัด ศ. อุบลวัสดุ ได้ย้ายที่ตั้งสาขาอุบลราชธานีมา ณ ที่ตั้งปัจจุบันที่ตำบลวารินชำราบ อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี โดยมีพื้นที่กว่า 37 ไร่ โดยปรับรูปแบบเป็นร้านค้าขนาดใหญ่ มีที่จอดรถเพียงพออำนวยความสะดวกแก่ลูกค้า
- บริษัทฯ ได้ถูกจดทะเบียนจัดตั้งขึ้นภายใต้ชื่อ บริษัท อุบลวัสดุ จำกัด เพื่อประกอบธุรกิจแทนห้างหุ้นส่วนจำกัด ศ.อุบลวัสดุ ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 20.00 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 200,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100.00 บาท เพื่อประกอบธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งวัสดุก่อสร้างและอุปกรณ์ตกแต่งบ้านแบบครบวงจร โดยใช้ชื่อทางการค้าว่า “อุบลวัสดุ”
- นายอดิศักดิ์ ตั้งมิตรประชา และนางนาตยา ตั้งมิตรประชา เริ่มดำเนินธุรกิจค้าปลีกวัสดุก่อสร้างภายใต้ชื่อห้างหุ้นส่วนจำกัด ศ. อุบลวัสดุ ที่อำเภอเมืองจังหวัดอุบลราชธานี