ข่าวจากสื่อสิ่งพิมพ์และข่าวแจ้งสื่อมวลชน

เปิดตัว 3 มหาเศรษฐี (ไทย) หน้าใหม่ ในยุคโควิด-19


Forbes จัดอันดับ 50 อภิมหาเศรษฐีไทย ปี 2564 เผยโฉม 3 มหาเศรษฐีหน้าใหม่แห่งวงการ

วันที่ 14 กรกฎาคม 2564 ฟอร์บส (Forbes) รายงานการจัดอันดับ 50 อภิมหาเศรษฐีไทยประจำปี 2564 ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่เศรษฐกิจไทยในปี 2563 หดตัว 6.1% แต่ยังพบว่ามหาเศรษฐีไทยส่วนใหญ่ที่มีทรัพย์สินเพิ่มมากขึ้น

โดยปีนี้ พี่น้องตระกูลเจียรวนนท์ แห่งเครือเจริญโภคภัณฑ์ ยังครองตำแหน่งอันดับ 1 ด้วยมูลค่าทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้น 2.9 พันล้านเหรียญ เป็น 3.02 หมื่นล้านเหรียญ (9.48 แสนล้านบาท) ตามมาด้วย 'เฉลิม อยู่วิทยา' ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์เครื่องดื่มชูกำลังระดับโลกอย่างกระทิงแดง

โดยเป็นผู้ที่มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากที่สุดในปีนี้ รวมมูลค่า 2.45 หมื่นล้านเหรียญ (7.69 แสนล้านบาท) ขณะที่อันดับ 3 เป็นของ 'เจริญ สิริวัฒนภักดี' ด้วยมูลค่าทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1.27 หมื่นล้านเหรียญ (3.98 แสนล้านบาท)

3 มหาเศรษฐีหน้าใหม่

นอกจากนี้ในการจัดอันดับ 50อภิมหาเศรษฐีปีนี้พบว่า มี 'มหาเศรษฐีหน้าใหม่' เข้ามาติดอันดับ 3 ตระกูลในช่วงของการแพร่ระบาดของโควิด-19 ประกอบด้วย

สองผู้ก่อตั้ง 'ดูโฮม'

มหาเศรษฐีหน้าใหม่ตระกูลแรกคือ 'อดิศักดิ์ และ นาตยา ตั้งมิตรประชา' สองผู้ก่อตั้ง บริษัท ดูโฮม จำกัด (มหาชน) หรือ DOHOME ติดอันดับ 29 ของมหาเศรษฐีไทย ด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 1.27 พันล้านเหรียญ (3.98 หมื่นล้านบาท)

ทั้งนี้บริษัท ดูโฮม เป็นหนึ่งในผู้นำในธุรกิจค้าปลีก ค้าส่งวัสดุก่อสร้างและอุปกรณ์ตกแต่งบ้านแบบครบวงจร ภายใต้แนวคิดการดำเนินธุรกิจ 'ครบ ถูก ดี…ที่ดูโฮม'

สำหรับบริษัท ดูโฮม เข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อ 6 ส.ค. 2562 ซึ่งในช่วงโรคระบาดโควิด-19 ยอดขายของบริษัทเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยในปี 2563 มีรายได้รวม 18,924.82 ล้านบาท กำไรสุทธิ 726.68 ล้านบาท

และในช่วงไตรมาสแรกปี 2564 เพียง 3 เดือน ดูโฮมทำยอดขายได้ถึง 6,139.29 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 543.15 ล้านบาท ส่งผลให้ราคาหุ้นของดูโฮมปรับตัวเพิ่มต่อเนื่อง

นอกจากนี้บริษัทมีแผนจะขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่องไปยังจังหวัดที่มีศักยภาพในการเติบโต เพื่อรองรับกำลังซื้อของประชากรที่เพิ่มขึ้นและการขยายตัวของสังคมเมือง

อดิศักดิ์ ตั้งมิตรประชา

ผู้ถือหุ้นใหญ่ 'อาร์แอนด์บี ฟู้ด'

มหาเศรษฐีหน้าใหม่รายที่ 2 คือ 'สมชาย รัตนภูมิภิญโญ' ผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท อาร์ แอนด์ บี ฟู้ด ซัพพลาย จำกัด (มหาชน) หรือ RBF โดยเป็นมหาเศรษฐีหน้าใหม่เข้ามาติดอันดับ 41 ด้วยมูลค่าสินทรัพย์ 875 ล้านเหรียญ (2.74 หมื่นล้านบาท)

สำหรับบริษัท อาร์ แอนด์ บี ฟู้ด ซัพพลาย จำกัด (มหาชน) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯเมื่อ 24 ต.ค. 2562 อยู่ในอุตสาหกรรมอาหาร เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ตามคำสั่งซื้อ (Made to order) และ OEM เป็นหลัก และเป็นโรงงานผู้ผลิตเกล็ดขนมปังชั้นนำในประเทศไทย

ถือเป็นอีกหนึ่งบริษัทที่ยอดขายมีการเติบโตในช่วงโควิดทำให้ราคาหุ้นมีการปรับเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดในช่วงปีที่ผ่านมา โดยปี 2563 บริษัทสามารถทำยอดขายได้ 3,187.27 ล้านบาท ด้วยตัวเลขกำไรสุทธิ 519.02 ล้านบาท

สมชาย รัตนภูมิภิญโญ

คู่พ่อลูกผู้อยู่เบื้องหลัง 'ศรีตรัง'

และมหาเศรษฐีหน้าใหม่รายที่ 3 คือ 'สมหวัง และ ไวยวุฒิ สินเจริญกุล' คู่พ่อลูกผู้อยู่เบื้องหลัง บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ STA ติดอันดับ 44 ของมหาเศรษฐีไทยปีนี้ ด้วยสินทรัพย์ 865 ล้านเหรียญ (2.71 หมื่นล้านบาท)

สำหรับบริษัท ศรีตรังแอโกรฯ เป็นผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมยางธรรมชาติครบวงจรรายใหญ่ที่สุดของโลก ทำธุรกิจส่งออกยางแปรรูป รวมทั้งมีบริษัทลูกเป็นบริษัทผลิตถุงมือยาง

โดยในปี 2563 บริษัท ศรีตรังแอโกรฯมีรายได้รวม 75,879.46 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 9,531.21 ล้านบาท

มูลค่าทรัพย์สินของ 'สมหวัง และ ไวยวุฒิ สินเจริญกุล' ที่เพิ่มขึ้นเข้ามาติดในกลุ่ม 50 มหาเศรษฐีไทย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะกลุ่มศรีตรัง ได้มีการนำ บริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ STGT เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯเมื่อ 2 ก.ค. 2563

ซึ่งเป็นผู้ผลิตถุงมือยางรายใหญ่ของโลก ซึ่งถือว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความต้องการสูงมากจากทั่วโลกในยุคโควิด-19 ทำให้ยอดขายและกำไรของบริษัท ศรีตรังโกลฟส์ มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด

ทั้งนี้ในปี 2563 บริษัทมีรายได้รวม 30,692.41 ล้านบาท กำไรสุทธิ 14,400.87 ล้านบาท

และในช่วงไตรมาสแรกปี 2564 บริษัทมีรายได้รวม 15,499.84 ล้านบาท และตัวเลขกำไรสุทธิ 10,051.57 ล้านบาท

ไวยวุฒิ สินเจริญกุล

ที่มา : www.prachachat.net