ข่าวจากสื่อสิ่งพิมพ์และข่าวแจ้งสื่อมวลชน

บล.ทิสโก้ DOHOME คงคำแนะนำ 'ซื้อ' มูลค่าเหมาะสม 24 บาท


การเติบโตของรายได้สองหลัก อัตรากำไรคงที่

สำหรับปีนี้ DOHOME ตั้งเป้า SSSg ตัวเลขสองหลัก โดยได้รับการสนับสนุนจากการเพิ่มสาขาในปีที่แล้ว 4 สาขา และการเปิดสาขาใหม่ในปีนี้ ในช่วงปี 2021 SSSg อยู่ที่ 25.5% (4Q21 SSSg อยู่ที่ 38-40%) ในปีนี้ บริษัทมีแผนจะเปิดร้านในรูปแบบ L จำนวน 5 แห่ง (1 แห่ง ในภาคใต้ ภาคเหนือ และภาคกลาง และ 2 แห่งในจังหวัดทางตะวันออกเฉียงใต้) และอาจเป็น DC การขยายสาขาคาดหนุนให้ SG&A เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 11%-12% จาก 9% ในปี 2021 ยอดขายของแบรนด์ DOHOME ตั้งเป้าไว้ที่ 18% ของรายได้ทั้งหมดในปีนี้ และ 20% สำหรับปีหน้า อีคอมเมิร์ซ และ to-go มีสัดส่วนต่อยอดขายรวมอยู่ที่ 2.6%

อัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้นจากระดับ 4Q21

บริษัทคาดอัตรากำไรขั้นต้นคงที่ YoY โดยเดือน ม.ค. - ก.พ. อยู่ในช่วง 17-18% เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 17% ในไตรมาส 4/21 โดยไม่ได้รวมความผันผวนของราคาเหล็ก เนื่องจากราคาเหล็กของไทยมีความผันผวนน้อยกว่าเมื่อเทียบกับต่างประเทศ และคาดว่าราคาเหล็กที่เพิ่มขึ้นในปีนี้จะลดลง เมื่อเทียบกับระดับปี 2021 บริษัทมีแผนที่จะสำรองเงินสดบางส่วนเพื่อหาโอกาสการลงทุนใหม่ๆ และตั้งเป้าที่จะออกหุ้นปันผลในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า แทนการเพิ่มสัดส่วนการจ่ายเงินปันผล CAPEX จากการเปิดตัวร้านใหม่เพิ่มขึ้น 10% แต่ไม่ส่งผลกระทบต่อแผนการขยายสเกลของบริษัท

สรุปผลประกอบการปี 2021

รายได้ทั้งปีอยู่ที่ 2.59 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 37.5% YoY โดยมีกำไรสุทธิทั้งปีอยู่ที่ 1.818 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 150% YoY กำไรขั้นต้นอยู่ที่ 5.2 พันล้านบาท จากอัตรากำไรขั้นต้น 20.2% ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 16% ปี 2020 โดยได้รับแรงหนุนจากประสิทธิภาพที่ศูนย์กระจายสินค้าควบคู่ไปกับอัตรากำไรจากเหล็กที่สูงขึ้น DOHOME เปิดสาขาขนาดใหญ่ 4 สาขาในปี 2021 (แหลมฉบัง บ่อวิน ชลบุรี [อมตะ-นคร] และสุราษฎร์ธานี) ทำให้บริษัทมีสาขาขนาดใหญ่ทั้งหมด 16 สาขา และ Dohome ToGo 10 สาขา ณ สิ้นปี

คงคำแนะนำ 'ซื้อ' จากการประเมินมูลค่า โดยให้มูลค่าเหมาะสมที่ 24 บาท

มูลค่าเหมาะสมที่ 24 บาท ได้รวมราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้นราว 20% หลังการจ่ายหุ้นปันผลแล้ว เราคาดการณ์ว่าผลการดำเนินงานของบริษัทจะดีขึ้นในปีนี้ พร้อมกับราคาเหล็กที่ค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้น และการลดลงของการซื้อเหมาซึ่งจะหนุนอัตรากำไรขั้นต้นจากสัดส่วน L-store ที่เพิ่มขึ้น การประเมินค่าของเรายึดตามวิธี DCF ด้วย Rf 2.1% Rm 7.4% Beta 1.1x และอัตราส่วน D/E เฉลี่ย 1.76x ทำให้ได้ WACC เฉลี่ย 6.2% และ terminal growth rate 2% ตามอัตราเงินเฟ้อในไทย

ที่มา : www.hooninside.com