ข่าวจากสื่อสิ่งพิมพ์และข่าวแจ้งสื่อมวลชน

DOHOME ยอดขายQ1 พุ่ง SSSG กลับมายืนเหนือ 27%


DOHOME #ทันหุ้น - DOHOME มองกำลังซื้อไตรมาส 1/2565 เติบโตดี หนุน SSSG ยืนเหนือ 25-27% เพิ่มขึ้นจากปีก่อน เดินหน้าขยายสาขาไซซ์ L ต่อเนื่องอีก 4 สาขา หลังเปิดสาขาแรกที่สงขลากระแสตอบรับดี มั่นใจรักษา อัตรากำไรขั้นต้นและอัตรากำไรสุทธิให้อยู่ที่ระดับไม่ต่ำกว่าปีก่อนที่ 20.19% และ 7.01%

นางสลิลทิพ  เรืองสุทธิภาพ  รองกรรมการผู้จัดการสายงานบัญชี การเงิน และสนับสนุนองค์กร บริษัท ดูโฮม จำกัด (มหาชน) หรือ DOHOME เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2565 มองว่ายังมีการขยายตัวที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากช่วงเดียวกันปีก่อน และอาจใกล้เคียงหรือดีขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาสก่อนหน้า โดยยอดขายต่อสาขาเดิม (SSSG) อยู่ที่เฉลี่ยกว่า 25-27% เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ประมาณ 22.5% แม้ว่านับตั้งแต่ปลายปีก่อนจนถึงปัจจุบันสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนจะยังคงมียอดผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มอย่างต่อเนื่อง

แต่ด้วยอัตราการเสียชีวิตและผลกระทบจากโรคที่ลดลง ทำให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นในการกลับมาดำเนินชีวิตและกิจกรรมการค้าอย่างเป็นปกติมากขึ้น ซึ่งมองว่าเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจและกำลังซื้อในประเทศ และหากว่าโควิด-19 กลายเป็นโรคประจำถิ่น การเดินทางข้ามประเทศเริ่มผ่อนคลายมากขึ้น นักท่องเที่ยวต่างชาติเริ่มกลับมาเดินทางเที่ยวในประเทศไทย เชื่อว่าจะทำให้ผู้ประกอบการรายย่อยและขนาดกลางโดยเฉพาะในธุรกิจเกี่ยวเนื่องท่องเที่ยว ร้านอาหาร โรงแรม รีสอร์ต และคาเฟ่ เป็นต้น เริ่มกลับมามีการลงทุนปรับปรุง ซ่อมบำรุง หรือต่อเติมที่ร้านหรือที่พักอาศัยมากขึ้น สะท้อนต่ออานิสงส์เชิงบวกที่บริษัทคาดว่าจะได้รับ

*ลุยขยายสาขาต่อเนื่อง

พร้อมกันนี้ บริษัทยังคงเดินหน้าลงทุนขยายสาขาไซซ์ L ใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อวันที่ 26 มีนาคมที่ผ่านมาได้เปิดให้บริการสาขาใหม่ที่หาดใหญ่ ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีเกินคาด ทั้งนี้ ในไตรมาสที่ 2/2565 บริษัทยังคงแผนการเปิดเพิ่มอีก 2 สาขา ในภาคเหนือเเละภาคกลาง ส่วนไตรมาสที่ 3-4/2565 จะเปิดเพิ่มอีก 2 สาขา ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นต้น โดยทุกสาขามีที่ดินรองรับทั้งหมดแล้ว และสาขาสุดท้ายที่เตรียมจะเปิดในปีนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการก่อสร้างแล้ว คาดว่าจะทันเปิดให้บริการในปีนี้แน่นอน เชื่อว่าสาขาใหม่จะเข้ามาช่วยสร้างยอดขายใหม่ๆ ได้เพิ่มเติม

'ด้วยการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ยังคงขยายตัวเป็นวงกว้างอย่างรวดเร็ว ต้องยอมรับว่ามีผลทำให้การตัดสินใจซื้อหน้าร้านในบางสาขาปรับตัวลดลง เพราะลูกค้าก็มีความกังวลต่อการติดเชื้อโควิด-19 อยู่บ้าง แต่ส่วนใหญ่จะปรับรูปแบบการซื้อสินค้าเป็นโทรสั่งเทเลเซลและให้ไปส่งยังจุดหมายแทนการเข้ารับสินค้าเอง ทำให้ยอดขายนับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันยังคงมีการขยายตัวที่ดีอย่างต่อเนื่องเฉลี่ยอยู่ที่ระดับกว่า 25-27% เทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อนที่อยู่ระดับราว 22.5% สะท้อนต่อแนวโน้มผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นในตไรมาสแรกปีนี้'นางสลิลทิพ กล่าว

*อัพสินค้าเฮาส์แบรนด์

นอกจากนี้ ในปี 2565 บริษัทตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วน สินค้าที่แบรนด์ของบริษัท (House Brand) ที่ 18% ซึ่งเป็นสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูงกว่าสินค้าปกติ 1 เท่าตัว โดยจะมีการออกสินค้าใหม่ๆ ในแต่ละไตรมาสเพื่อเข้ามาเสริมยอดขายมากยิ่งขึ้น ส่วนสินค้าเหล็กมองว่าในปี นี้มองว่าไม่น่ากังวลแม้ว่าราคาเหล็กจะแกว่งตัวผันผวนในระดับที่สูงต่อไป และมั่นใจการบริหารจัดการที่ดีได้ต่อเนื่อง ทำให้คาดว่าสินค้ากลุ่มเหล็กจะยังสร้างมาร์จิ้นได้เหนือระดับ 10% ตอนปลายได้ และผลิตภัณฑ์เหล็กที่ขายสวนใหญ่กว่า 80-90% เป็นเหล็กที่ผลิตในประเทศ ทำให้จะไม่ได้รับผลกระทบจากการทุ่มตลาดของซัพพลายใหญ่ของโลกอย่างจีนและเวียดนาม

อย่างไรก็ดี ในปีนี้บริษัทวางเป้าหมายจะรักษาอัตรากำไรขั้นต้นและอัตรากำไรสุทธิให้อยู่ที่ระดับไม่ต่ำกว่าปีก่อนที่ 20.19% และ 7.01% ตามลำดับ กรณีการเกิดสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน ต้องยอมรับว่าส่งผลกระทบไปทั่วโลกโดยเฉพาะสินค้าสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity Goods) ค่าขนส่งสินค้าที่เพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น แต่บริษัทได้มีการเจรจากับทางซัพพลายเออร์เพื่อคงราคาหรือปรับราคาขึ้นไม่สูงมากนัก เพื่อไม่ให้กระทบต่อลูกค้า ซึ่งซัพพลายเออร์กว่า 30% จาก 2,000 ราย ให้ความร่วมมือในทิศทางที่ดี แต่อย่างไรก็ดี การนำเข้าสินค้าของบริษัทคิดเป็นสัดส่วนราว 10% ของสินค้าโดยรวมทั้งหมด ถือว่าน้อยมาก

ที่มา : www.thunhoon.com