ข่าวจากสื่อสิ่งพิมพ์และข่าวแจ้งสื่อมวลชน

DOHOME ชูมาร์จิ้นแตะ10% ยอดขายสาขาเดิมเป็นบวก


#DOHOME #ทันหุ้น – DOHOME ชูมาร์จิ้นเติบโตตัวเลข สองหลัก รับอานิสงส์ต้นทุนนำเข้า-บาทแข็งค่า-ค่าไฟลดลง-ราคาเหล็กตึงตัว มองยอดขายไตรมาส 1/2566 เด่น วางเป้ารายได้ทั้งปีโต 20% วางงบ 3 พันล้านบาท รองรับการขยายสาขา-จัดซื้อที่ดินแปลงใหม่

นางสลิลทิพ เรืองสุทธิภาพ รองกรรมการผู้จัดการสายงานบัญชี การเงิน และสนับสนุนองค์กร บริษัท ดูโฮม จำกัด (มหาชน) หรือ DOHOME เปิดเผยว่า นับตั้งแต่ต้นปี 2566จนมาถึงปัจจุบันยอดขายยังขยายตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการจับจ่ายใช้สอยของกลุ่มลูกค้าผู้ใช้ขั้นปลาย (End User) ที่ดีขึ้น หลังจากที่มีการเปิดประเทศเต็มรูปแบบ ประชาชนกลับมาดำเนินชีวิตตามปกติ มีการจ้างงาน มีรายได้ ทำให้มีความต้องการซ่อมบำรุงที่พักอาศัย

โดยกลุ่มลูกค้า End User คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 50% ของยอดขายรวม ทำให้ยอดขายต่อสาขาเดิม (SSSG) เฉพาะส่วน End User ยังเป็นบวกได้ ในขณะที่กลุ่มลูกค้าที่เป็นผู้รับเหมาก่อสร้างปัจจุบันยังชะลอตัวอยู่ ส่งผลให้ภาพรวม SSSG ในไตรมาส 1/2566 ยังติดลบอยู่บ้างเล็กน้อย แต่เบื้องต้นคาดว่าจะมีการปรับตัวดีขึ้นในไตรมาส 2/2566 เป็นต้นไป ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและกำลังซื้อ รวมถึงมีโครงการลทุนทั้งในส่วนของภารัฐและเอกชนออกมาเพิ่มเติม

*มาร์จิ้นไม่ต่ำกว่า 10%

ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาส 1/2566 คาดว่าจะปรับตัวอยู่ในตัวเลข สองหลักได้ เป็นไปตามแนวโน้มราคาเหล็กในไตรมาส 1/2566ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงกว่าช่วงเวลาเดียวกันปีก่อน และดีขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า ด้วยซัพพลายในตลาดที่เริ่มเข้าสู่จุดที่สมดุลมากขึ้น ทำให้ราคากลับมาอยู่ในภาวะตึงตัว ส่งผลให้คาดว่ามาร์จิ้นจากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์เหล็กจะสูงขึ้น

รวมถึงเงินบาทที่แข็งค่าส่งผลให้บริษัทมีต้นทุนการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศที่ถูกลง ตลอดจนค่าขนส่งที่ปรับตัวลดลง ตามการคลายตัวลงของมาตรการคุมเข้มโรคระบาด การเปิดประเทศเต็มรูปแบบทำให้การขนส่งและนำเข้าสินค้าเป็นไปได้ดีมากขึ้น ขณะเดียวกันบริษัทยังได้ผลบวกจากต้นทุนค่าไฟลดลง แม้ว่าภาครัฐจะมีการปรับขึ้นค่า Ft ในช่วงที่ผ่านมา แต่เนื่องด้วยบริษัทมีแนวทางติดตั้งแผงโซลาร์

'แนวโน้มไตรมาส 1/2566เชื่อว่าจะเห็นภาพการปรับตัวที่ดีขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน และจากไตรมาสก่อน หลักๆ เป็นผลมาจากปัญหาน้ำท่วมที่คลายตัวลง สถานการณ์โรคระบาดที่คลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น การเปิดประเทศ และการท่องเที่ยวของชาวต่างชาติ หนุนเศรษฐกิจและกำลังซื้อปรับตัวดีขึ้นตาม' นางสลิลทิพ กล่าว

*รายได้เติบโต 20%

สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2566 บริษัทวางเป้ารายได้รวมเติบโต 20% จากปี 2565 ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ระดับ 31,547.27 ล้านบาท ขณะที่ยอดขายต่อสาขาเดิม (SSSG) คาดว่าในปี 2566 นี้ จะยังคงเป็นบวกได้ต่อเนื่อง และปีนี้จะสามารถรับรู้รายได้จากการขายของสาขาใหม่ที่เปิดให้บริการในปี 2565 เข้ามาได้แบบเต็มปี ตลอดจนจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ การกลับมาลงทุนของภาครัฐและเอกชน ทำให้มองว่าความต้องการสินค้าวัสดุก่อสร้างและสินค้าตกแต่งและเฟอร์นิเจอร์จะขยายตัวดีขึ้นกว่าปีก่อน

ด้านแผนลงทุนในปีนี้วางเงินลงทุนไว้ที่ราว 3,000 ล้านบาท ใช้ขยายสาขาใหม่ 3 แห่ง และสาขา To go จำนวน 6 สาขา, การดำเนินก่อสร้างสาขาใหม่ การจัดซื้อที่ดินใหม่เพื่อรองรับการพัฒนาสาขาในปี 2567 ปัจจุบันมาที่ดินในมือแล้ว 2 แปลง โดยจะจัดซื้อที่ดินแปลงใหม่อีก 3 แปลง เพื่อให้ได้ตามเป้าหมายการขยายสาขาใหม่ 5 แห่งในปีหน้า รวมถึงการปรับปรุงสาขาเดิมให้ทันสมัยมากขึ้น และการติดตั้งโซลาร์เพื่อการประหยัดต้นทุนค่าไฟเพิ่ม และการป้องกันน้ำท่วมในสาขาอุบลราชธานี

ที่มา : www.thunhoon.com