ข่าวจากสื่อสิ่งพิมพ์และข่าวแจ้งสื่อมวลชน

DOHOME ดีดแรง ...แต่พื้นฐานยังน่าสนใจไหม


เช้านี้ DOHOME พุ่งสูงสุด 5.36% หลังถูกคาดรับอานิสงส์น้ำท่วม แต่โบรกฯประเมินกำไร Q3/65 ยังไม่แจ่ม เหตุหลายปัจจัยลบรุมเร้า ลุ้นฟื้นอีกครั้ง Q4/65 หลังธุรกิจเข้าไฮซีซั่น หนุนความต้องการของตกแต่งบ้านพุ่ง แถมกำไรปีนี้จ่อหดตัวสวนกลุ่มที่ส่วนใหญ่ฟื้นตัว

*** บวกสูงสุด 5.36% จ่อรับอานิสงส์น้ำท่วม

ราคาหุ้น บริษัท ดูโฮม จำกัด (มหาชน) หรือ DOHOME ช่วงเช้าวันนี้ (13 ก.ย.65) ดีดขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ราคา 15.70 บาท เพิ่มขึ้น 5.36% จากวันทำการก่อนหน้า ก่อนปิดซื้อขายภาคเช้าด้วยราคา 15.20 บาท เพิ่มขึ้น 0.3 บาท หรือ 2.01% มีปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้น 151.30% จาก 5 วันทำการก่อนหน้า

บทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ดาโอ (ประเทศไทย) ระบุสาเหตุที่ทำให้ราคาหุ้น DOHOME เช้านี้ ปรับตัวขึ้นสูงสุด 5.36% เนื่องจากมองว่าเป็นหุ้นที่จะได้รับอานิสงส์จากเหตุการณ์น้ำท่วม เนื่องจากกิจกรรมการซ่อมแซมตกแต่งที่อยู่อาศัยจะสูงขึ้นหลังจากเหตุการณ์คลี่คลาย ประกอบกับเข้าสู่ฤดูกาลซ่อมแซมบ้านหลังฤดูฝน ทำให้ Demand ของสินค้าที่เกี่ยวกับการตกแต่งซ่อมแซมและการ Renovate บ้านถูกเร่งตัวขึ้น

ทั้งนี้ สถานการณ์น้ำท่วม ยังเป็นบวกมากต่อสาขาในพื้นที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะ DOHOME ที่มีสาขาส่วนใหญ่อยู่ในจังหวัดภาคกลางและภาคอีสานที่ได้รับผลกระทบเป็นหลัก โดย DOHOME มีจำนวน 10 สาขาจากทั้งหมด 18 สาขา คิดเป็นสัดส่วน 56% ของจำนวนสาขา

*** แต่กำไร Q3/65 ไม่เด่น ลุ้นฟื้นโค้งท้าย

บล.โนมูระ พัฒนสิน ประเมินว่า กำไรสุทธิไตรมาส 3/65 ของ DOHOME มีแนวโน้มหดตัวจากปีก่อน แต่ยังเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนเล็กน้อย แม้เบื้องต้น DOHOME จะทยอยปรับราคาสินค้าขึ้นได้บ้าง แต่ยังมีแรงกดดันจากค่าใช้จ่ายสาขาใหม่ที่จะเร่งขึ้นตามแผนเปิดเพิ่ม 2 แห่ง ในไตรมาส 3/65

สอดคล้องกับ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ที่มองว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/65 ของ DOHOME อาจได้รับผลกระทบเชิงลบจากการเข้าสู่ช่วงโลว์ซีซั่นของธุรกิจ อีกทั้งยังมีผลกระทบเชิงลบจากอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยที่กดดันอัตรากำไรขั้นต้นจากสินค้า House Brands

อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงานของ DOHOME มีแนวโน้มกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งในช่วงไตรมาส 4/65 จากการเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จากการเพิ่มราคาขายสินค้าให้สอดคล้องกับต้นทุนมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นการเริ่มต้นฤดูท่องเที่ยว ที่จะเป็นแรงหนุนยอดขายสินค้าตกแตกบ้านให้ปรับตัวขึ้น

*** แถมโบรกฯหั่นเป้ากำไร คาดหดตัว 9-16%

บล.ดาโอ (ประเทศไทย) ระบุว่า ได้ปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 65 ของ DOHOME ลงจากเดิม 9% เหลือ 1.56 พันล้านบาท หดตัว 14% จากปีก่อน สะท้อนจากกำไรสุทธิครึ่งปีแรกคิดเป็น 50% ของประมาณการเดิม ขณะที่ ในระยะถัดไปกำไรสุทธิของ DOHOME มีแนวโน้มถูกกดดันจากมาร์จิ้นที่ลดลง และค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตาม แม้ DOHOME จะมีการเพิ่มสัดส่วนสินค้า House Brands ขึ้น (สินค้ามาร์จิ้นสูง) แต่ยังมีปัจจัยที่กดดันมาร์จิ้นทางอ้อม อย่างการปรับขึ้นราคาขายที่ทำได้ช้ากว่าคาดการณ์ อีกทั้งราคาเหล็กยังค่อนข้างผันผวนอีกด้วย

เช่นเดียวกับ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ที่ปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 65 ของ DOHOME ลงจากเดิม 23% เหลือ 1.5 พันล้านบาท หดตัว 16% จากปีก่อน เพื่อสะท้อนกับประเด็นเงินเฟ้อที่เร่งตัวสูงขึ้น กดดันอัตรากำไรขั้นต้นของสินค้า House Brands อีกทั้งยังปรับสมมตฐานอัตรากำไรขั้นต้นปี 65 ลงเหลือ 17.6% (เดิมคาด 20%)

ขณะที่ นักวิเคราะห์อีก 2 ราย ประเมินกำไรสุทธิปี 65 ของ DOHOME ไว้ดังนี้

บล. กำไรสุทธิปี 65 (ลบ.) %chg YoY
ฟินันเซียฯ 1,661 (-9)
โนมูระฯ 1,535 (-16)

*** กูรูชี้พื้นฐานยังไม่น่าสนใจลงทุน

บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุว่า แนะนำเพียง'ถือ'เท่านั้น สำหรับหุ้น DOHOME อีกทั้งยังปรับลดราคาเหมาะสมลงเหลือ 16.80 บาท/หุ้น (เดิม 19 บาท/หุ้น) สะท้อนมุมมองเชิงลบมากขึ้นต่อกำไรสุทธิปี 65 หลัง DOHOME เผชิญแรงกดดันจากอัตรากำไรที่ลดลง โดยคาดกำไรปี 65 จะหดตัว สวนทางกลุ่มค้าปลีก และ Home improvement ที่ส่วนใหญ่จะฟื้นตัวจากปีก่อน

*** ส่วนใหญ่ยังไม่แนะนำซื้อ

จากการสำรวจความคิดเห็นนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังไม่แนะนำซื้อ เนื่องจากมองว่ากำไรสุทธิในระยะสั้นของ DOHOME ยังมีแนวโน้มไม่สดใสนัก แม้จะมองว่าเป็นหุ้นที่ได้รับอานิสงส์จากเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งล่าสุด อย่างไรก็ตาม มาร์จิ้นในปีนี้ของ DOHOME ยังถูกกดดันอย่างหนักจากผลกระทบเงินเฟ้อ และการปรับขึ้นราคาสินค้าที่ทำได้ค่อนข้างช้า

บล. คำแนะนำ ราคาเหมาะสม (บ.)
พาย ซื้อ 22.00
ฟินันเซียฯ ถือ 19.00
หยวนต้า Trading 18.20
โนมูระฯ ถือ 16.80
ดาโอ ถือ 14.00
ราคาเฉลี่ย   18.00

หากอ้างอิงข้อมูลของนักวิเคราะห์ ดูเหมือนว่าการเข้าลงทุนในหุ้น DOHOME ช่วงนี้ จะเหมาะกับการเก็งกำไรระยะสั้น จากประเด็นอานิสงส์น้ำท่วมเท่านั้น แต่หากพิจารณาปัจจัยทางพื้นฐาน ถือว่าผลกาดำเนินงานในช่วงที่เหลือของปี 65 ยังไม่โดดเด่นเท่าไรนัก ซึ่งนักลงทุนอาจต้องลุ้นกำไรกลับมาเติบโตอีกครั้งในปี 66

ที่มา : www.efinancethai.com