ข่าวจากสื่อสิ่งพิมพ์และข่าวแจ้งสื่อมวลชน

เทียบฟอร์ม DOHOME-GLOBAL ควรลงทุนอย่างไร


#ทันหุ้น-บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) แนะนำหุ้น 2 บริษัทได้แก่หุ้น GLOBAL และ DOHOME โดยคาดการณ์กำไรไตรมาส 2/66 รวมถึงแนวโน้มในครึ่งปีหลัง และกลยุทธ์การลงทุนในแต่ละหุ้น

ฝ่ายวิจัยเคจีไอฯ มองว่าหุ้น GLOBAL คาดจะมีกำไรสุทธิไตรมาส 2/66 ที่ 808 ล้านบาท ลดลง 22% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และลดลง 9% จากไตรมาสก่อน โดยถูกกดดันจากราคาเหล็กอ่อนแอและผลจากปัจจัยฤดูกาล ส่วนรายได้ไตรมาส 2/66 คาดอยู่ที่ 8.7 พันล้านบาท ลดลง 5% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และลดลง 2% จากไตรมาสก่อน ท่ามกลางรายได้ในสาขาเดิม หรือ SSS ลดลง 8% ขณะที่ราคาเหล็กเส้นไตรมาส 2/66 ลดลง 21% ทั้งนี้ เมื่อส่วนผสมของยอดขายอุปกรณ์ก่อสร้างและราคาเหล็กไตรมาส 2/66 อ่อนตัวยังกดดันมาร์จิ้นลดลงเหลือ 24.8%

นอกจากนี้ฝ่ายวิจัยเคจีไอฯ คาดกำไรในงวดครึ่งปีหลังของ GLOBAL ยังไม่น่าตื่นเต้น โดยมีปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญจาก ปกติครึ่งปีแรกจะเป็นช่วงที่ทำกำไรได้มากกว่าครึ่งปีหลัง , ความเสี่ยงของราคาเหล็กอ่อนแอ และอุปสงค์ชะลอตัวจากแนวโน้มรายได้ภาคเกษตรอ่อนตัวและการเบิกจ่ายภาครัฐล่าช้า

กลยุทธ์การลงทุน ยังคงแนะนำถือ และประเมินราคาเป้าหมายสิ้นปีนี้ที่ 19.00 บาทต่อหุ้น

**หุ้น DOHOME

ฝ่ายวิจัยเคจีไอฯ มองหุ้น DOHOME โดยคาดกำไรสุทธิไตรมาส 2/66 อยู่ที่ 79 ล้านบาท ลดลง 75% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และลดลง 70% จากไตรมาสก่อน จากการลดลงของรายได้ในสาขาเดิม เป็นเพราะอุปสงค์หดตัวและการอ่อนตัวของราคาเหล็ก บีบให้อัตรากำไรขั้นต้นต่ำลง ขณะที่คาดว่ายอดขายไตรมาส 2/66 อยู่ที่ 8.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% จากช่วงเดียวกันปีก่อน แต่ลดลง 2% จากไตรมาสก่อน ท่ามกลางรายได้ในสาขาเดิมลดลง สะท้อนจากอุปสงค์อ่อนตัวจากความไม่แน่นอนทางการเมืองในประเทศ , ราคาเหล็กอ่อนแอ ทั้งราคาเหล็กเส้น ซึ่งคิดเป็นประมาณ 30% จากยอดขาย ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นลดลงมาอยู่ที่ 14% ตามราคาเหล็กอ่อนแอ และมีค่าใช้จ่ายด้านการจัดกิจการส่งเสริมการตลาด

ส่วนผลดำเนินงานในครึ่งปีหลังของ DOHOME คาดว่ากำไรจะดีขึ้น จากการจัดกิจการส่งเสริมทางการตลาดน้อยลง, อัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้นจากการเพิ่มสินค้าใหม่ โดยเฉพาะ house brand ที่มี margin สูง และคาดได้รับเงินประกันชดเชยจากภาวะน้ำท่วม ราว 60-70 ล้านบาท ซึ่งหากกำไรไตรมาส 2/66 เป็นไปตามที่ฝ่ายวิจัยคาด จะทำให้กำไรครึ่งปีแรกคิดเป็น 30% ของประมาณการกำไรสุทธิเต็มปี 2566 จึงมี downside ให้ปรับประมาณการกำไรลงได้อีก

กลยุทธ์การลงทุน แนะนำถือ ให้ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 ที่ 13.20 บาท โดยพิจารณาจากกำไรไตรมาส 2/66 อาจอ่อนแอ ทำให้มีโอกาสที่ฝ่ายวิจัยจะปรับลดประมาณการกำไรเต็มปี 2566 ลง ซึ่งอาจส่งผลด้านลบต่อราคาหุ้น อย่างไรก็ตามหากฐานกำไรสุทธิปี 2566 ต่ำลง จะทำให้อัตราการเติบดตกำไรในปี 2567 โดดเด่น

ที่มา : www.thunhoon.com