ข่าวจากสื่อสิ่งพิมพ์และข่าวแจ้งสื่อมวลชน
ดูโฮม (DOHOME) เคาะราคาเสนอขายที่ 7.80 บาทต่อหุ้น เตรียมเปิดให้จองซื้อ 25-26 และ 30-31 ก.ค. 2562
บริษัท ดูโฮม จำกัด (มหาชน) หรือ 'DOHOME' หนึ่งในผู้นำธุรกิจค้าปลีก-ค้าส่ง และให้บริการด้านวัสดุก่อสร้างและอุปกรณ์ตกแต่งบ้านแบบครบวงจรของประเทศไทย ประกาศราคาเสนอขายของหุ้นสามัญที่เสนอขายต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) ที่ราคา 7.80 บาทต่อหุ้น หลังได้รับการตอบรับอย่างท่วมท้นจากนักลงทุนสถาบันคุณภาพ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อปัจจัยพื้นฐาน ความสามารถของทีมผูบริหารและศักยภาพในการเติบโตของบริษัทฯ พร้อมประกาศแผนลุยขยายสาขาขนาดใหญ่รูปแบบใหม่และแตกโมเดลสาขาขนาดเล็กภายใต้ชื่อ 'Dohome To Go' เพื่อสร้างการเติบโตของรายได้และอัตรากำไรอย่างต่อเนื่อง
นายอนุวัฒน์ ร่วมสุข กรรมการผู้จัดการ หัวหน้าฝ่ายตลาดทุน บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วม เปิดเผยว่า การกำหนดราคาเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ กระทำโดยกระบวนการสำรวจความต้องการซื้อของนักลงทุนสถาบัน หรือ Bookbuilding ซึ่งพบว่ามีสถาบันชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศเป็นจำนวนมากให้ความสนใจ และมีความต้องการซื้อมากกว่าปริมาณหุ้นที่เสนอขายเป็นจำนวนมาก ทำให้บริษัทฯ และผู้จัดการการจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่าย ร่วมกันกำหนดราคาขายที่ 7.80 บาทต่อหุ้น ซึ่งเป็นราคาสูงสุดของช่วงราคาที่ใช้ในการทำ Bookbuilding
'เรามั่นใจว่า ราคาเสนอขายดังกล่าวเป็นราคาที่เหมาะสม สะท้อนถึงความสนใจของนักลงทุน และความเชื่อมั่นในปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งของบริษัทฯ ความสามารถของทีมบริหารและศักยภาพในการสร้างการเติบโตในอนาคตของ DOHOME ทั้งนี้ IPO ของ DOHOME ในครั้งนี้ จัดเป็นการเสนอขายหุ้น IPO ที่มีมูลค่าสูงที่สุดนับจากต้นปีจนถึงเดือนกรกฎาคม 2562 (2562YTD) ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย' นายอนุวัฒน์ กล่าว
นายพงศ์ศักดิ์ พฤกษ์ไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วม กล่าวเสริมว่า การเสนอขายหุ้นสามัญครั้งนี้ จะจัดสรรหุ้นสามัญจำนวน 465,040,000 หุ้น หรือ คิดเป็นร้อยละ 25.1 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังเสนอขายหุ้น IPO ครั้งนี้ และมีการจัดสรรหุ้นส่วนเกินจำนวน 56,160,000 หุ้น รวมทั้งสิ้นจำนวน 521,200,000 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 28.1 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังเสนอขายครั้งนี้ (กรณีมีการใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญส่วนเกินทั้งจำนวน) ทั้งนี้ ทั้งนี้ DOHOME ได้รับการอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) ให้เสนอขายหุ้นสามัญแก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) และแบบ Filing มีผลบังคับใช้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยได้กำหนดระยะเวลาจองซื้อระหว่างวันที่ 25 - 26 และ 30 - 31 กรกฎาคม 2562 ตามรายละเอียดที่ปรากฏอยู่ในหนังสือชี้ชวน โดยคาดว่าจะสามารถนำหุ้นของ DOHOME เข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ภายใต้ชื่อย่อ 'DOHOME' ในหมวดพาณิชย์ (Commerce) ในวันที่ 6 สิงหาคมนี้
นายอดิศักดิ์ ตั้งมิตรประชา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดูโฮม จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า DOHOME มีความยินดีที่นักลงทุนให้การตอบรับอย่างดีต่อการเสนอขายหุ้นสามัญของ DOHOME ในครั้งนี้ โดย DOHOME วางกลยุทธ์ที่จะขยายสาขาทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ ด้วยแผนการเปิดสาขาขนาดใหญ่รูปแบบใหม่ที่มีขนาดพื้นที่เล็กลงรวม 7 สาขาภายในปี 2564 ในหัวเมืองที่สำคัญ โดยยังคงความครบถ้วนของสินค้าไว้ไม่แตกต่างจากสาขาเดิม พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน รวมถึงการพัฒนาโมเดลขยายสาขาขนาดเล็กภายใต้ชื่อ 'Dohome To Go' ในบริเวณพื้นที่ศูนย์การค้า ซุปเปอร์มาร์เก็ต และไฮเปอร์มาร์เก็ต เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่อาศัยอยู่ในเมืองที่ต้องการปรับปรุงซ่อมแซมตกแต่งบ้าน และสามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคยุคปัจจุบันได้ดียิ่งขึ้น รวมทั้งสามารถเพิ่มความคล่องตัวและความรวดเร็วในการขยายสาขาของ DOHOME อย่างต่อเนื่องในอนาคต โดยล่าสุดได้เปิดบริการสาขาแรกแล้วที่แม็คโคร สาขาจรัญสนิทวงศ์ และจะทยอยเปิดสาขาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วยเป้าหมายรวม 90 สาขาภายในปี 2564
นอกจากการลงทุนเพื่อขยายสาขาแล้ว DOHOME จะนำเงินจากการระดมทุนในครั้งนี้ไปพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการของกลุ่มบริษัทฯ ชำระเงินกู้สถาบันการเงินและภาระหนี้อื่นๆ ในอนาคต และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทฯ อีกด้วย
ทั้งนี้ ผู้จัดการการจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วมในครั้งนี้ ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) และ บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) โดยผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย ประกอบด้วย บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด และ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน)