ข่าวจากสื่อสิ่งพิมพ์และข่าวแจ้งสื่อมวลชน
DOHOME กำลังซื้อรัฐโต มั่นใจยอดขายปีนี้เป็นบวก
ทันหุ้น - DOHOME กำลังซื้อฟื้นตัวในครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะภาครัฐที่เข้ามาหนุนการเติบโต ขณะที่ความต้องการอั้นจากช่วงโควิดทำให้ผู้บริโภคเริ่มกลับมาซื้อของเพื่อซ่อมแซมบ้านมากขึ้น พร้อมเดินหน้าขยายเพิ่ม 1 สาขาปีนี้ และอีก 4 สาขาในปี 2564 มั่นใจยอดขายปีนี้แกร่ง โบรกมองผ่านจุดต่ำสุดแล้ว
นางสลิลทิพ เรืองสุทธิภาพ กรรมการ บริษัท ดูโฮม จำกัด (มหาชน) หรือ DOHOME เปิดเผยถึงแนวโน้มธุรกิจช่วงครึ่งปีหลังพบว่า ช่วงเดือน กรกฎาคม-สิงหาคม 2563 ยอดขายเติบโตได้ดี แม้ว่าในช่วงเดือน สิงหาคม 2563 จะชะลอตัวลงเล็กน้อยเนื่องจากเป็นช่วงฤดู ส่วนกำลังซื้อในภาครัฐถือว่ายังเติบโตดีต่อเนื่อง ทางด้านภาคเอกชนการสร้างบ้านใหม่อาจชะลอตัวลงเล็กน้อยเเต่ยังมีดีมานด์ในการซ่อมแซมบ้านเข้ามา หนุนให้ธุรกิจบริษัทยังมีการเติบโต
สำหรับเป้ายอดขายปีนี้บริษัทคาดว่าแม้จะเกิดสถานการณ์โควิด-19 เกิดขึ้น เเต่บริษัทได้บริหารจัดการภายในและมีทีมขายที่มีประสิทธิภาพโดยทั้งปียังเชื่อว่าจะสามารถสร้างยอดขายให้เป็นบวกได้
ขณะที่บริษัทมีสาขาในมาบตาพุด ที่เตรียมเปิดในเดือน กันยายนนี้ และไตรมาสที่ 1/2564เตรียมเปิดสาขาเพิ่มที่ แหลมฉบัง รวมถึงทั้งปี 2564จะเปิดอีกรวม 3 สาขา สำหรับนอกจานี้มีสาขา Dohome ToGo แบบไม่ติดแอร์ (Open-air) ซึ่งมีอัตราค่าเช่าที่ถูกกว่า โดยได้เปิดให้บริการไปแล้ว 1 สาขาและอยู่ระหว่างการก่อสร้างอีกจำนวน 3สาขา คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในช่วงไตรมาสที่ 3-4 ปี2563
ขณะที่ยอดขายทางด้านออนไลน์ ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ปรับตัวดีขึ้นมาเท่าตัว เเต่ในลักษณะธุรกิจของบริษัทเป็นสินค้าประเภคก่อสร้างชิ้นใหญ่ อย่าง ปูน เหล็ก ฯลฯ บางอย่างอาจจะไม่เหมาะกับการขายผ่านออนไลน์ เนื่องจากต้องแบกรับค่าขนส่งที่ค่อนข้างสูง
บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด ระบุถึง บริษัท ดูโฮม จำกัด (มหาชน) หรือ DOHOME โดยมีมุมมองเป็นบวกจาก SSSG ปรับตัวดีขึ้น หลังจากติดลบ -20% ในเดือน เมษายน 2563 ฟื้นตัวขึ้นมาอยู่ที่ +10% ในเดือน พฤษภาคม และ มิถุนายน ซึ่งดีกว่าที่คาดไว้ว่าจะอ่อนลงประมาณ -4% และยังมีแนวโน้มดีอยู่ประมาณ +8% ถึง 10% ในเดือน กรกฎาคม 2563 ซึ่งดีขึ้นจากติดลบ 9% ในไตรมาสที่ 1/2563 เพราะความต้องการด้านการซ่อมแซม และตกแต่งบ้านจากผู้บริโภคที่ถูกอั้นไว้ในช่วงล็อกดาวน์ เข้ามาช่วยชดเชยผลกระทบจากโควิด-19
บริษัทมีการเปิดสาขา ToGo ที่ Cosmo เมืองทองธานี และที่ตลาดชัชวาลย์ (เมื่อปลายเดือน กรกฎาคม 2563 ) เพื่อรองรับความต้องการจากประชากรและหมู่บ้านซึ่งมีอยู่มากในย่านนั้น เป็นปัจจัยหนุนที่ทำให้ยอดขายมีการเติบโต
คาดว่าบริษัทจะสามารถรักษา gross margin อยู่ระดับสูงที่ 16.6% ในช่วงที่เหลือของปีนี้และปีหน้าได้ จากการที่มีสัดส่วน house brand อยู่ในระดับที่สูง 16.0%ของยอดขายจากปีก่อนที่ 14.5% (มีเป้าจะเพิ่มเป็น 20% ภายในปี 2565)
โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 14.20 บาท เพื่อสะท้อนการผ่านพ้นจุดต่ำสุด และการปรับกำไรขึ้นข้างต้น โดยมี key catalyst คือ การที่บริษัทฟื้นตัวได้ค่อนข้าวเร็ว การบริหาร house brand และ product mix ที่ดี ขณะที่ความเสี่ยงคือ โอกาสในการกลับมาระบาดอีกครั้งของ
ที่มา : thunhoon.com