ข่าวจากสื่อสิ่งพิมพ์และข่าวแจ้งสื่อมวลชน
DOHOME ยอด SSSG บวก ดีมานด์ซ่อมแซมบ้านพุ่ง
ทันหุ้น - สู้โควิด - DOHOME โชว์ SSSG เป็นบวก แววผลงานไตรมาส 4/2563 เด่น ความต้องการสินค้าปรับปรุง-ซ่อมแซมที่พักอาศัยขยายตัว รับอานิสงส์รัฐออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจส่งท้ายปี หนุนยอดขายพุ่ง มั่นใจผลงานปีนี้เติบโตกว่าปีก่อน กางแผนปีหน้าเปิดสาขาใหญ่เพิ่ม 3-4 แห่ง
นางสลิลทิพ เรืองสุทธิภาพ รองกรรมการผู้จัดการสายงานบัญชี การเงิน และสนับสนุนองค์กร บริษัท ดูโฮม จำกัด(มหาชน) หรือ DOHOME เปิดเผยว่า ประเมินภาพรวมธุรกิจในช่วงไตรมาส 4/2563 หากว่าพายุฝนไม่เข้ามามากจนเกินไป มองว่าผลการดำเนินงานยังคงมีการขยายตัวดีอย่างต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนหน้าได้ เนื่องจากความต้องการสินค้าหมวดปรับปรุงซ่อมแซมและตกแต่งที่พักอาศัยยังคงมีอยู่ หนุนให้ยอดขายต่อสาขาเดิม (SSSG) นับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2563 จนถึงปัจจุบันยังคงเป็นบวกอยู่
*รับทรัพย์รัฐกระตุ้นเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ หากภาครัฐออกนโยบายเพื่อเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปีคล้ายกับ 'ชิมช้อปใช้' ครั้งก่อนมองว่าจะเป็นอีกทางที่เข้ามาช่วยสนับสนุนการเติบโตช่วงไตรมาส 4/2563 ให้มีการเติบโตโดดเด่นที่สุดในปีนี้ แต่อย่างไรก็ดี ต้องดูเรื่องข้อจำกัดด้วยเนื่องจากในครั้งก่อนบริษัทได้สิทธิ์เพียงจังหวัดละ 1 สาขาเพียงเท่านั้น ทำให้การรับรู้รายได้จากยอดขายคิดเป็นสัดส่วนที่ไม่มากนักเมื่อเทียบกับการจัดโปรโมชั่นเอง
พร้อมกันนี้ บริษัทเดินหน้าขยายสินค้า House Brand ต่อเนื่อง เนื่องจากเป็นสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูง ซึ่งบริษัทเริ่มดำเนินการมาหลายปีแล้ว ขณะที่ปัจจุบันสัดส่วนรายได้จากสินค้ากลุ่มนี้อยู่ที่ราว 17% คาดว่าภายในปี 2565 จะเพิ่มเป็น 20% ขณะเดียวกันบริษัทยังเดินหน้าขยายช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้น ทั้งโซเซียลคอมเมิร์ซ ผ่านเฟซบุ๊ก Dohome Online, Line @ Dohome, อีมาร์เก็ตเพลส (E-Market place) ทั้ง Lazadaและ Shopee
*ชะลอเปิดสาขาใหญ่
ส่วนแผนการขยายสาขาใหม่ในช่วงที่เหลือของปี 2563 อาจต้องเลื่อนไปเปิดในช่วงต้นปี 2564 แทน เนื่องจากติดปัญหาด้านกำหนดการดำเนินงานก่อสร้าง ส่งผลให้ ณ สิ้นปี 2563 บริษัทจะมีสาขาขนาดใหญ่ 12 สาขา โดยวางเป้าหมายในปี 2564 จะเปิดสาขาขนาดใหญ่เพิ่มอีก 3-4 แห่ง อย่างไรก็ดีสาขาขนาดใหญ่จะมีระดับมาร์จิ้นเฉลี่ยอยู่ที่ราว 16-17% ในระยะเวลา 4-6 เดือนจึงจะคุ้มทุนขึ้นอยู่กับว่าสาขาใดจะมียอดขายเฉลี่ยต่อวันที่มากกว่า
ในขณะที่สาขาย่อย Dohome To Go สิ้นปีนี้จะเพิ่มเป็น 12 สาขา จากปัจจุบันอยู่ที่ 9 สาขา อยู่ระหว่างการก่อสร้าง 3 สาขา คาดแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการภายในปลายปีนี้เป็นต้นไป โดยสาขา To Go นั้น จะใช้ระยะเวลาในการถึงจุดคุ้มทุนที่สั้นกว่าประมาณ 1-2 เดือน เนื่องจากมีต้นทุนเพียงแค่ค่าเช่าพื้นที่และพนักงานเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงมีความมั่นใจว่าผลการดำเนินงานในปี 2563 จะเติบโตที่ดีกว่าปี 2562 ที่มีรายได้รวมอยู่ที่้ 17,971.82 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 725.51 ล้านบาท โดยในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2563 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 9,262.10 ล้านบา และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 323.69 ล้านบาท
ที่มา : thunhoon.com