ข่าวจากสื่อสิ่งพิมพ์และข่าวแจ้งสื่อมวลชน
FTSE ลดน้ำหนักหุ้นไทย DOHOME เฮเข้าคำนวณ
ทันหุ้น - นับถอยหลัง FTSE ลดน้ำหนักหุ้นไทย 19 มี.ค. เงินออก 120 ล้านดอลลาร์ แต่ DOHOME เข้า FTSE Small Cap รอบนี้ ผู้บริหารชี้เป็นการดึงดูดสถาบัน ปีนี้ผลงานดีต่อเนื่องยอดขายต่อสาขาบวกแรง 2 หลัก ย้ำปีนี้ขยายสาขาใหม่ 4 สาขา พร้อมออกหุ้นกู้ 1 หมื่นล้านบาท โบรกส่องกำไร Q1/64 นิวไฮเหนือ 300 ล้านบาท เป้า 21 บาท
ความเคลื่อนไหวของ FTSE Rebalance โดยบริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) FTSE Rebalance ประกาศรายชื่อหุ้นชุดใหม่อย่างเป็นทางการแล้ว จะมีผลการปรับน้ำหนักวันที่ 19 มีนาคม 2564 นี้ พบว่า 1) FTSE All World (APAC) ไม่มีหุ้นไทยเข้า/ออกใหม่ แต่ลดน้ำหนักหุ้นไทยลงจาก 2.3% สู่ 2.25% ราว -120% ล้านดอลลาร์โดยหุ้นไทยใน FTSE ถูกลดน้ำหนักลงทั้งหมดโดย 10 อันดับแรกที่จะถูกขายมากที่สุด ได้แก่ PTT, TMB, SCC, CPALL, AOT, SCB, DELTA, ADVANC, BDMS, KBANK-F จะถูกขายราว -11.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ถึง -3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ต่อบริษัท
DOHOME เข้า Small Cap
2) FTSE Large Cap : DELTA ถูกยกระดับขึ้น จาก Mid Cap ขึ้นมาแต่เม็ดเงิน Rebalance เป็นลดน้ำหนัก -4 ล้านดอลลาร์ ส่วนตัวถูก Downgrade ลงสู่ Mid Cap คือ BEM, BGRIM, BTS, TRUE, EGCO
3) FTSE Mid Cap : BEM, BGRIM, BTS, TRUE, EGCO ตกชั้นมาจาก Large Cap ขณะที่ตัวหลุดคือ DELTA ที่ถูกยกระดับขึ้นเป็น Large Cap
4) FTSE Small Cap : เข้าใหม่คือ DOHOME ส่วนตัวหลุด คือ BEAUTY
ด้านนางสลิลทิพ เรืองสุทธิภาพ รองกรรมการผู้จัดการสายงานบัญชี การเงิน และสนับสนุนองค์กร บริษัท ดูโฮม จำกัด (มหาชน) หรือ DOHOME เปิดเผยว่า การที่ได้เข้าคำนวณใน FTSE Small Cap จะช่วยดึงดูดความสนใจของนักลงทุนสถาบันเพิ่มขึ้น ทั้งนี้สิ้นปี 2564 มีสัดส่วนนักลงทุนสถาบันถือหุ้นของบริษัทราว 10% คาดว่าจะมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้น
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานปี 2564 ยังดีต่อเนื่อง สอดคล้องกับภาพรวมกำลังซื้อที่ฟื้นตัวดีขึ้น และเชื่อว่าสถานการณ์โควิด-19 รอบนี้น่าจะไม่ส่งผลต่อการดำเนินงานของบริษัท เห็นได้จากยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ตั้งแต่ต้นปีถึงช่วงกลางเดือนมีนาคม 2564 ยังสามารถเติบโตในตัวเลข 2 หลักได้ คาดว่าทั้งปีจะเห็นทิศทางที่เป็นบวกต่อเนื่อง
อีกทั้งปีนี้บริษัทจะเน้นการขยายสินค้ากลุ่ม House Brand โดยเฉพาะสินค้าด้านนวัตกรรม เนื่องจากเป็นสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูง ปัจจุบันสัดส่วนรายได้จากสินค้ากลุ่มนี้อยู่ที่ราว 16.5% คาดว่าภายในปี 2565 จะเพิ่มเป็น 20% พร้อมกันนี้ยังเดินหน้าขยายการขยายผ่านช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้น ทั้งโซเซียลคอมเมิร์ซ ผ่านเฟซบุ๊ก Dohome Online, Line @ Dohome, อีมาร์เก็ตเพลส (E-Market place) ทั้ง Lazada และ Shopee เป็นต้น ปัจจุบันยังมีสัดส่วนที่เล็กน้อยราว 1-2% และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ส่วนแผนการขยายสาขา ปีนี้จะมีการขยายจำนวน 4 สาขา แต่บริษัทมีเป้าหมายที่จะเพิ่มสาขา DOHOME ไซด์ L เป็น 36 สาขา ภายในปี 2568 จากปัจจุบันที่ประมาณ 13 สาขา ส่วนสาขาย่อย Dohome ToGo อยู่ระหว่างพิจารณาที่จะเพิ่มสาขา จากปัจจุบันที่ประมาณ 13 สาขา นอกจากนี้คณะกรรมการบริษัทยังได้อนุมัติการออกและเสนอขายหุ้นกู้ในวงเงินไม่เกิน 10,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในการประกอบธุรกิจทั่วไป การลงทุนขยายสาขา
คาด Q1/64 กำไรนิวไฮ
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุถึง DOHOME ว่า ระยะสั้นแนวโน้มกำไรไตรมาส 1/2564 คาดทำจุดใหม่เหนือระดับ 300 ล้านบาท ภายหลังกลับมาเปิดให้บริการครบทุกสาขา SSSG ไตรมาส 1/2564 เป็นบวกมากขึ้น 18% จากช่วงเดียวกันปีก่อน แม้ไม่รวมผลบวกจากราคาเหล็ก SSSG ยังบวกสูงราว 13% - 14% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และคาดอัตรากำไรขั้นต้นจะทำ New High อยู่ที่ระดับ 19% - 20% สูงขึ้นมากเมื่อเทียบกับ 17.5% ในไตรมาส 4/2563 และ 15.4% ในไตรมาส 1/2563 จากรายได้หน้าร้านที่ฟื้นตัว สินค้า House Brand เติบโต และราคาเหล็กปรับขึ้น จึงปรับเพิ่มสมมติฐานการเปิดสาขาใหม่เป็น 4 สาขาจนถึงปี 2568 จากเดิม 3 สาขาและปรับเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นปีนี้ขึ้นเป็น 17.5% จากเดิม 16.7% ส่วนกำไรสุทธิปี 2564 คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 19% เป็น 1,153 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 58.7%) โดยราคาเป้าหมายาเป็น 21 บาท
ที่มา : www.thunhoon.com