ข่าวแจ้งสื่อมวลชน

DOHOME อวดกำไรปี 64 ที่ 1.8 พันลบ. เคาะปันผลเป็นหุ้น 51 พ่วงเงินสด


DOHOME รายงานผลประกอบการปี 64 มีรายได้รวมเท่ากับ 2.59 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 37.5% จากปี 63 ส่วนกำไรอยู่ที่ 1.81 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 150.2% จากปี 63 หลังยอดขายเพิ่ม-อัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้น พร้อมจ่ายปันผลจ่ายปันผลเป็นหุ้นอัตรา 5 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นปันผล และ จ่ายปันผลเป็นเงินสดในอัตราประมาณ 0.02 บาทต่อหุ้น

นายชยานนท์ หอพัตราภรณ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายบัญชี และ การเงิน บริษัท ดูโฮม จำกัด (มหาชน) หรือ DOHOME เปิดเผยผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า ผลประกอบการปี 64 มีรายได้รวมเท่ากับ 25,917.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37.5% จากปี 63 โดยมีรายได้เพิ่มขึ้นทั้งจากการเพิ่มขึ้นของรายได้สาขาเดิมที่มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด และ รายได้จากสาขาใหม่ที่เปิดในปี 64 และ มีกำไรสุทธิสำหรับปี 64 เท่ากับ 1,818.06 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 150.2% จากปี 63

โดยมีสาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากสาขาเดิม 25.5% และ รายได้จากสาขาที่ดีดำเนินการครบปีในปี 64 ได้แก่ สาขาสุรินทร์ และ สาขามาบตาพุด และ สาขา Dohome ToGo 6 สาขา และ รายได้จากสาขาใหม่ที่เปิดดำเนินการในปี 64 ได้แก่ สาขาแหลมฉบังสาขาบ่อวิน สาขาชลบุรี สาขาสุราษฎรธ์านี และ สาขา Dohome ToGo 2 สาขา ในขณะที่รายได้อื่นอยู่ที่ 133.18 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.88 ล้านบาท หรือ 5.4% จากปี 63 โดยมีสาเหตุหลักมาจากการการเพิ่มขึ้นของเงินสนับสนุนจากเจ้าของสินค้าผู้จัดจำหน่าย

สำหรับกำไรขั้นต้น อยู่ที่ 5,206.59 ล้านบาท หรือ คิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้น 20.2% เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับอัตรากำไรขั้นต้นของปี 63 ที่ 16.0% โดยมีสาเหตุหลักมาจาก การเพิ่มขึ้นของอัตรากำไรขั้นต้นของทุกกลุ่มสินค้า อีกทั้ง การบริหารจัดการต้นทุนขายที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ประกอบกับ รายได้จากการบริหารศูนย์กระจายสินค้า (Distribution Center) ที่สูงกว่าค่าใช้จ่ายจึงทำให้ต้นทุนสินค้าลดลง รวมถึงอัตรากำไรขั้นต้นของสินค้าภายใต้ตราสินค้าของกลุ่มบริษัทฯ (House Brand) ที่เพิ่มขึ้น

ส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร อยู่ที่ 2,835.55 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 848.47 ล้านบาท หรือ 42.7% จากปี 63 โดยมีสาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการเปิดสาขาใหม่ เช่น ค่าใช้จ่ายพนักงาน ค่าเสื่อมราคาทรัพย์สิน ค่าสาธารณูปโภค เป็นต้น และ การเพิ่มขึ้นของค่าคอมมิชชั่น และ ค่าจัดส่งสินค้าให้กับลูกค้า ซึ่งสอดคล้องกับรายได้ที่เพิ่มมากขึ้น รวมถึงการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายพนักงานฝ่ายบริหารที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากการรับพนักงานในส่วนของสำนักงานใหญ่เพื่อรองรับการเติบโตของกลุ่มบริษัทฯ

ทางด้านต้นทุนทางการเงิน อยู่ที่ 257.98 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.84 ล้านบาท หรือ 5.2% จากปี 63 ซึ่งเปลี่ยนแปลงสอดคล้องกับยอดภาระเงินกู้ที่เพิ่มขึ้น

ในขณะที่ค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ เท่ากับ 447.53 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 270.28 ล้านบาท หรือ 152.5% จากปี 63 ซึ่งสอดคล้องกับกำไรก่อนภาษีเงินได้ของกลุ่มบริษัท ฯ ที่เพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท มีมติจ่ายปันผลสำหรับผลดำเนินงานรอบระยะเวลาบัญชี ปี 64 จากกำไรสุทธิ โดยจ่ายปันผลเป็นหุ้นสามัญของบริษัทฯ ให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตรา 5 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นปันผล จำนวนไม่เกิน 484,434,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท หรือ คิดเทียบเป็นมูลค่าเท่ากับอัตราการจ่ายปันผลประมาณ 0.20 บาทต่อหุ้น รวมมูลค่าทั้งสิ้นประมาณ 484.43 ล้านบาท

ในกรณีที่ผู้ถือหุ้นรายใดมีเศษของหุ้นจากการจัดสรรหุ้นปันผลดังกล่าว บริษัทฯ จะจ่ายปันผลเป็นเงินสดแทนในอัตรา 0.20 บาทต่อหุ้น และ จ่ายปันผลเป็นเงินสดในอัตราประมาณ 0.022 บาทต่อหุ้น หรือ คิดเป็นจำนวนเงินประมาณ 53.83 ล้านบาท รวมการจ่ายเงินปันผลในอัตราประมาณ 0.22 บาทต่อหุ้น หรือ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 538.26 ล้านบาท หรือ คิดเป็นสัดส่วนการจ่ายเงินปันผลประมาณ 31.98% ของกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการหลังหักภาษีและทุนสำรองตามกฎหมาย ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายการจ่ายเงินปันผลของบริษัทฯ

ทั้งนี้ เงินปันผลที่จ่ายเป็นเงินสดทั้งหมดจะถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายตามประมวลรัษฎากรในอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้ โดยบริษัทได้กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับปันผลในรูปแบบของหุ้นปันผลและเงินสด (Record Date) ในวันที่ 7 มี.ค. 65 และ กำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 18 พ.ค. 65

ที่มา : www.efinancethai.com