ข่าวแจ้งตลาดหลักทรัพย์

บล.เอเซีย พลัส : Market Talk


SET คึกคักต้อนรับนายกใหม่

HORIZON MARKET VIEW

  • หลายปัจจัยกำลังเอื้อให้ภาพวัฏจักรดอกเบี้ยขาลงดูชัดเจนขึ้น โดย FEDWATCHTOOL คาดจะมีการลดดอกเบี้ยปีนี้ 3 ครั้ง และปีหน้า 4 ครั้ง
  • เริ่มจากความกังวลในเชิงเศรษฐกิจ โดยเฉพาะสัญญาณความเสี่ยงตลาดแรงงานสหรัฐฯ อ่อนแอลง ล่าสุดสหรัฐฯ เผยข้อมูลในเดือน ส.ค. 68 การจ้างงานนอกภาค การเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 22,000 ตำแหน่ง และอัตราว่างงานเพิ่มขึ้นเป็น 4.3%
  • นอกจากนี้ แรงกดดันต่อเงินเฟ้ออาจมีโอกาสลดลง จากราคาน้ำมันชะลอตัว หลังOPEC+ ตัดสินใจเพิ่มการผลิตน้ำมันอีก 137,000 บาร์เรล/วันในเดือนตุลาคม
  • ประเด็นอื่นๆ ที่น่าติดตาม คือ ความไม่แน่นอนทางการเมืองในญี่ปุ่น (นายกฯลาออก) และฝรั่งเศส (นายกเสี่ยงหลุดต่ำแหน่งจากการลงมติไม่ไว้วางใจในวันนี้)

REGION RALAR

  • LULULEMON -18.6% หลังบริษัทรายงานผลประกอบการไตรมาส2 โดยมีรายได้ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ อีกทั้งบริษัทให้แนวโน้มไตรมาส 3 ที่ไม่สดใส
  • มูลค่าการซื้อขายหุ้นในตลาดหุ้นโลกมีการปรับตัวขึ้น โดยเฉพาะในตลาดหุ้นฮ่องกงและตลาดหุ้นเวียดนาม อีกทั้งเวลาดอกเบี้ยเป็นขาลงมักจะเห็นการ SEARCH FOR YIELD หนุนมูลค่าซื้อขายหุ้นคึกคักขึ้นแนะนำเก็งกำไรในหุ้นกลุ่มตลาดหลักทรัพย์และโบรกเกอร์ อาทิHKEX23

THAI FOCUS

  • รัฐบาลยังยืนยันจุดยืนที่จะ แก้ไขรัฐธรรมนูญและจัดทำฉบับใหม่ ตามกระบวนการที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย และ ยุบสภาในกรอบเวลา 4เดือน ซึ่งทำให้มี TIMELINE ความชัดเจนมากขึ้น และสร้างความมั่นใจต่อนักลงทุนทุกประเภท
  • ส่วนโครงการคนละครึ่งตลอดเฟส 1-5 สามารถกระตุ้น GDP ได้ราว0.2%-0.4% และใช้วงเงินเฉลี่ยราว 2-3 หมื่นล้านบาทต่อรอบ เท่านั้นจึงน่าจะสร้างประสิทธิภาพได้มากกว่าแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท

SYNAPSE STRATEGY SECTOR อิงหุ้น คนละครึ่ง LAGGARD ตลาดในปีนี้มาก (YTD)

  • หุ้นไทย แนะหุ้นรับกระแสโครงการคนละครึ่ง ค้าปลีก - ส่ง : CPAXT,CRC, DOHOME, BJC, CPALL อาหาร : SAPPE, CBG, TKN,OSP, M วัตถุดิบ : TVO, KSL, TU, CPF
  • หุ้นนอก แนะหุ้นรับวัฏจักรดอกเบี้ยขาลง ตาม BOND YIELD 10Yสหรัฐฯต่ำสุดในรอบ 5 เดือน อาทิ VISA (DR: VISA80) หุ้นตลาดหลักทรัพย์ HKEX (DR: HKEX23) หุ้น HIGH YIELD ฝั่งEMERGING SINGTEL (DR : SINGTEL80) DIV 4.1%

HORIZON MARKET VIEW

แรงกดดันเศรษฐกิจอาจน่ากังวล...แต่วงจรดอกเบี้ยขาลงก็ชัดเจนขึ้นหลายปัจจัยกำลังเอื้อให้ภาพวัฏจักรดอกเบี้ยขาลงดูชัดเจนขึ้น โดย FEDWATCH TOOL คาดจะมีการลดดอกเบี้ยปีนี้ 3 ครั้ง และปีหน้า 4 ครั้ง ขณะที่ CONSENSUS คาดจะมีการลดดอกเบี้ยปีนี้ 2 ครั้ง (เท่ากับ DOT PLOT) และปีหน้า 2-3 ครั้ง

เริ่มจากความกังวลในเชิงเศรษฐกิจ โดยเฉพาะสัญญาณความเสี่ยงตลาดแรงงานสหรัฐฯ อ่อนแอลง ล่าสุดสหรัฐฯ เผยข้อมูลในเดือน ส.ค. 68 การจ้างงานนอกภาคการเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 22,000 ตำแหน่ง(ต่ำกว่าตลาดคาดที่ 75,000 ราย และต่ำแสน 4 เดือนติดต่อกับ) และอัตราว่างงานเพิ่มขึ้นเป็น 4.3% (สูงกว่าเดือนก่อนที่ 4.2%)นอกจากนี้แรงกดดันต่อเงินเฟ้ออาจมีโอกาสลดลง จากราคาน้ำมันชะลอตัว หลัง OPEC+ ตัดสินใจเพิ่มการผลิตน้ำมันอีก 137,000 บาร์เรล/วันในเดือนตุลาคม (SUPPLY ) ซึ่งเป็นการฟื้นการผลิตที่เคยหยุดไว้ก่อนกำหนดมากกว่า 1 ปีขณะที่ BLOOMBERG ประเมิน การตัดสินใจครั้งนี้ อาจกดดันให้ราคาน้ำมันร่วงลงต่ำกว่า 60ดอลลาร์/บาร์เรล

สำหรับปัจจัยต่างประเทศยังมีประเด็นที่น่าติดตาม คือ ความไม่แน่นอนทางการเมืองในญี่ปุ่นและฝรั่งเศส

  • ญี่ปุ่น นายกรัฐมนตรี SHIGERU ISHIBA ประกาศลาออก สร้างความไม่แน่นอนต่อทิศทางการคลังของญี่ปุ่น ขณะที่ล่าสุดเงินเยนอ่อนค่าลงถึง 0.7% เทียบกับดอลลาร์ส่วนพันธบัตรรัฐบาลระยะยาวถูกมองว่า 'เปราะบาง' จากความกังวลเรื่องการใช้จ่ายภาครัฐ
  • ฝรั่งเศส นายกรัฐมนตรี ฟรองซัวส์ บาอีรู (FRANCOIS BAYROU) มีแนวโน้มจะพ้นตำแหน่งจากการลงมติไม่ไว้วางใจในวันที่ 8 ก.ย. 68 เกี่ยวกับมาตรการงบประมาณที่เสนอ โดยรัฐบาลวางแผนลดลงเหลือ4.6% ในปี 2026 ผ่านการลดรายจ่ายและเพิ่มรายได้ ซึ่งความไม่แน่นอนนี้ทำใหเแผนลดงบประมาณ 44พันล้านยูโรตกอยู่ในความเสี่ยง ขณะที่ตลาดหุ้นและพันธบัตรของฝรั่งเศสเสี่ยงเผชิญแรงกดดันเพิ่มขึ้น

REGION RADAR

LULULEMON (LULU US) เผยงบไตรมาส 2 ปีบัญชี 2026 รายได้ออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาด

LULULEMON รายงานรายได้รวมอยู่ที่ $2.53 พันล้าน +6% YOY (ต่ำกว่าที่ตลาดคาด 1%) ขณะที่ EPS อยู่ที่$3.1 -2% YOY ซึ่งกำไรกลับมาหดตัวลงเป็นครั้งแรกในรอบหลายไตรมาส หลังได้รับแรงกดดันจากการปรับขึ้นภาษีนำเข้าจากทางสหรัฐฯ และการยกเลิกข้อยกเว้นของ DE MINIMIS ทั้งนี้ บริษัทระบุว่า การปรับขึ้นภาษีนำเข้าของทางสหรัฐฯ จะกดดันกำไรทั้งปีราว $240 ล้าน สำหรับแนวโน้มในไตรมาส 3 บริษัทคาดรายได้จะอยู่ที่ $2.47-$2.50 พัน (VS ตลาดคาด $2.51 พันล้าน) ขณะที่ EPS คาดอยู่ที่ $2.2(VS ตลาดคาด $2.5)

มูลค่าซื้อขายหุ้นมักคึกคัก ช่วงวัฎจักรดอกเบี้ยขาลง

ในช่วงนี้เริ่มเห็น VOLUME การซื้อ-ขายหุ้นที่มากขึ้นโดยเฉพาะในตลาดหุ้นฮ่องกงและตลาดหุ้นเวียดนาม โดยในเดือน ส.ค. และเดือน ก.ย. ตลาดหุ้นฮ่องกงมีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ระดับ 4.4 แสนล้านบาท และ 5.3แสนล้านบาทตามลำดับ ขณะที่ตลาดหุ้นเวียดนามมีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ระดับ 5.8 หมื่นล้านบาทและ 4.8 หมื่นล้านบาทตามลำดับ

แนะนำเก็งกำไรในหุ้นกลุ่มตลาดหลักทรัพย์และโบรกเกอร์หลังจากที่มูลค่าการซื้อขายในตลาดหุ้นมีการเพิ่มขึ้นนอกจากนี้ ระดับการใช้ MARGIN ในตลาดหุ้นจีนมีการเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4.2% ซึ่งเป็นแรงหนุนต่อรายได้ในหุ้นกลุ่มตลาดหลักทรัพย์และโบรกเกอร์ อาทิ HKEX, SGX SP

THAI FOCUS

รัฐบาลใหม่ กับความหวังปลุกเศรษฐกิจไทยรอบใหม่

หลังจากที่รู้ตัวนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 คือ อนุทิน ชาญวีรกูล กระบวนการถัดไป คือ นายกฯมีหน้าที่ต้องแถลงนโยบายต่อรัฐสภาภายใน 15 วันนับจากการถวายสัตย์ซึ่งท่านได้เสนอ '4 ROADMAP/แนวทางหลัก' ที่จะเร่งดำเนินการทันทีหลังเข้ารับตำแหน่ง อาทิ

  • แก้ปัญหาเศรษฐกิจและค่าครองชีพ : มุ่งลดภาระค่าใช้จ่ายให้ประชาชนและผู้ประกอบการ เช่น ค่าพลังงาน ค่าขนส่ง พร้อมแก้หนี้สินให้แก่เกษตรกรและผู้มีรายได้น้อย โดยเสริมสร้างรายได้ให้ชุมชนฐานรากอย่างเข้มแข็ง
  • เสริมความมั่นคงชายแดนไทย-กัมพูชา : ดำเนินการผ่านสันติวิธี พร้อมชดเชยและช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างทั่วถึง โดยยืนยันว่ารัฐบาลจะไม่ยอมให้มีการสูญเสียดินแดนแม้แต่ตารางเซนติเมตรเดียว
  • รับมือภัยธรรมชาติเต็มรูปแบบ : พัฒนาระบบเตือนภัย พร้อมระบบเยียวยาและฟื้นฟูอย่างเร็วและเป็นธรรม โดยใช้ประสบการณ์จากสมัยที่ดำรงตำแหน่ง รมว.มหาดไทย ร่วมกับการควบตำแหน่งนี้ไปด้วยเพื่อขจัดอุปสรรคและเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการ
  • ปราบปรามภัยสังคม : จัดการกับขบวนการค้ายาเสพติด ค้ามนุษย์ สแกมเมอร์ และการพนันออนไลน์โดยทำงานร่วมกับประเทศเพื่อนบ้านและพันธมิตรทางการเมืองอย่างเข้มข้นนอกจากนี้ รัฐบาลยังยืนยันจุดยืนที่จะ แก้ไขรัฐธรรมนูญและจัดทำฉบับใหม่ ตามกระบวนการที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย และ ยุบสภาในกรอบเวลา 4 เดือน เพื่อคืนอำนาจให้ประชาชน ดังที่ได้ทำ MOA กับพรรคประชาชน ซึ่งทำให้มีTIMELINE ความชัดเจนมากขึ้น และสร้างความมั่นใจต่อนักลงทุนทุกประเภท

ส่วนการนำมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่เคยประสบความสำเร็จในอดีตกลับมาใช้ใหม่อย่างนโยบายคนละครึ่ง ซึ่งมีข้อดีอยู่3 ข้อด้วยกัน

  • QUICK WIN กระตุ้นเศรษฐกิจทันใจ: นายอนุทิน ชาญวีรกูล ได้ประกาศว่าจะ นำโครงการ 'คนละครึ่ง'กลับมาใช้เป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น ภายใน 1 เดือนแรกของการทำงาน พร้อมใช้โครงสร้างระบบเดิมอย่าง ‘เป๋าตัง' และ ‘ถุงเงิน' ที่พร้อมใช้งานทันที โดยไม่ต้องสร้างใหม่
  • ต้นทุนประหยัด แต่มีประสิทธิผล : นโยบายนี้ได้รับการยอมรับว่ามีความ 'คุ้มค่ากว่า' โครงการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท เพราะใช้งบประมาณน้อยกว่ามาก แต่สามารถกระจายเม็ดเงินไปยังร้านค้ารายย่อยได้จริง โดยตัวเลขในอดีตบ่งชี้ว่าโครงการดังกล่าวตลอดการมีอยู่ตั้งแต่เฟส 1-5 ใช้วงเงินเฉลี่ยราว2-3 หมื่นล้านบาทต่อรอบ เท่านั้น แต่สามารถกระตุ้น GDP ได้ราว 0.2%-0.4% ดังรูปด้านล่าง
  • เข้าใจง่าย ประชาชนและผู้ค้าคุ้นเคย : ความสำเร็จในอดีตของโครงการนี้เกิดจากรูปแบบที่ประชาชนเข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน และสร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจฐานรากอย่างรวดเร็ว

SYNAPSE STRATEGY

กลยุทธ์การลงทุนแบ่งเป็น 2 ธีมหลัก 1.หุ้นรับกระแสโครงการคนละครึ่ง 2.หุ้นรับวัฏจักรดอกเบี้ยขาลงภาพรวม SET INDEX สดใส หลังรู้ตัวนายกฯคนที่ 32 ดังสถิติในอดีตที่บ่งชี้ว่า วันสภาฯ โหวตเลือกนายกฯ คนใหม่ SET INDEX มักขึ้นเฉลี่ย 0.6% และ1 สัปดาห์หลังจากนั้นมีโอกาสปรับขึ้นเฉลี่ย 1.7% ดังนั้นจึงคาดว่า SETINDEX ระดับปัจจุบันยังมี MOMENTUM ไปต่อได้

โดยกลยุทธ์การลงทุนแบ่งเป็น 2 ธีมหลัก ดังนี้

  1. หุ้นรับกระแสโครงการคนละครึ่ง ค้าปลีก - ส่ง : CPAXT, CRC, DOHOME, BJC, CPALL อาหาร :SAPPE, CBG, TKN, OSP, M วัตถุดิบ : TVO, KSL, TU, CPF
  2. หุ้นรับวัฏจักรดอกเบี้ยขาลง ตาม BOND YIELD 10Y สหรัฐฯต่ำสุดในรอบ 5 เดือน อาทิ หุ้นเด่นดอกเบี้ยขาลง VISA (DR: VISA80) หุ้นตลาดหลักทรัพย์ HKEX (DR: HKEX23) หุ้น HIGH YIELD ฝั่งEMERGING SINGTEL (DR : SINGTEL80) DIV 4.1%

ที่มา : hooninside