ข่าวแจ้งตลาดหลักทรัพย์
DOHOME ปิดภาคเช้าพุ่ง 10.11% แตะ 4.14 บาท บล.เคจีไอ แนะนำ 'ถือ' มูลค่าพื้นฐาน 4.30 บาท
DOHOME ปิดภาคเช้าพุ่ง 10.11% แตะ 4.14 บาท บล.เคจีไอ แนะนำ “ถือ” มูลค่าพื้นฐาน 4.30 บาท
#ทันหุ้น #SET #DOHOME บล.เคจีไอ แนะนำ “ถือ” มูลค่าพื้นฐาน 4.30 บาท บริษัท ดูโฮม จำกัด (มหาชน) หรือ DOHOME คาดว่ากำไรสุทธิไตรมาส 3/2568 ฟื้นตัวเมื่อเทียบกับปีก่อน (YoY) จากฐานที่ต่ำ แต่ยังอ่อนตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน (QoQ) โดยคงคำแนะนำ “ถือ” (HOLD) ที่มูลค่าพื้นฐาน 4.30 บาท ต้นทุนการขยายสาขาใหม่ยังคงกดดันผลประกอบการในระยะสั้น
คาดว่าบริษัทจะรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3/2568 ที่ 86 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 45% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า จากอัตรากำไรขั้นต้นของสินค้ากลุ่มเหล็กที่ดีขึ้นอยู่ที่ 10% จากระดับ 7%–8% โดยสินค้ากลุ่มเหล็กมีสัดส่วนราว 30% ของยอดขายรวม แม้ว่ายอดขายสาขาเดิมคาดว่าจะลดลงราว 11% เมื่อเทียบกับปีก่อน และกำไรลดลง QoQ ตามปัจจัยฤดูกาล
คาดว่ากำไรสุทธิไตรมาส 3/2568 จะเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน โดยกำไรสุทธิอยู่ที่ 86 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% YoY แต่ลดลง 45% QoQ ได้รับแรงหนุนจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ปรับตัวดีขึ้น 140 จุดพื้นฐาน YoY มาอยู่ที่ 17.8% จาก 16.4% ในไตรมาส 3/2567 โดยมาจากอัตรากำไรขั้นต้นของสินค้ากลุ่มเหล็กที่กลับสู่ระดับปกติที่ 10% เทียบกับ 7%–8% ในปีก่อน รวมถึงอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้นในทุกกลุ่มสินค้า แม้สัดส่วนสินค้าในแบรนด์ของบริษัท (House Brand) จะลดลงจากปีก่อน
ยอดขายสาขาเดิม (SSSG) คาดว่าจะลดลง 11% ในไตรมาส 3/2568 เนื่องจากสินค้ากลุ่มเหล็กบางรายการมีไม่เพียงพอต่อการจำหน่ายให้กับลูกค้า ส่งผลให้ยอดขายสินค้าประเภทอื่นที่สั่งซื้อร่วมกันได้รับผลกระทบตามไปด้วย อีกทั้งสภาพอากาศมีฝนตกมากกว่าปีก่อน โดยคาดว่า SSSG ของกลุ่ม Back Office จะอยู่ที่ -11% ถึง -13% และ SSSG ของจุดขาย (POS) จะอยู่ที่ -7% ถึง -9% ในไตรมาสนี้
อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายคาดว่าจะยังคงอยู่ในระดับสูงทั้ง YoY และ QoQ ที่ 16.2% ในไตรมาส 3/2568 จากค่าใช้จ่ายในการเปิดสาขาใหม่และยอดขายสาขาเดิมที่ลดลงแรง แม้บริษัทจะควบคุมค่าใช้จ่ายรวมให้ลดลงได้เล็กน้อยเมื่อเทียบกับปีก่อน
แนวโน้มกำไรในไตรมาส 4/2568 คาดว่าจะฟื้นตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน เนื่องจากสถานการณ์ขาดแคลนเหล็กเส้นในประเทศเริ่มคลี่คลายหลังปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้น ประกอบกับความต้องการที่อ่อนตัวลงในช่วงฤดูฝน ทำให้คาดว่า SSSG จะทยอยฟื้นตัวได้ในไตรมาส 4/2568 เมื่อเทียบกับเดือนกรกฎาคม–กันยายนที่อยู่ในระดับ -9%, -11% และ -13% ตามลำดับ จึงมีโอกาสที่ผลประกอบการไตรมาส 4/2568 จะทรงตัวได้ YoY หรืออ่อนตัวลงเพียงเล็กน้อย
การขยายสาขายังคงเป็นไปตามแผน โดยในไตรมาส 3/2568 บริษัทได้เปิดสาขาขนาดใหญ่ (Dohome Size L) เพิ่มอีก 2 สาขา ได้แก่ สาขาเทพารักษ์ (จัดงาน Grand Opening ในเดือนกรกฎาคม 2568) และสาขานครสวรรค์ (จัดงาน Grand Opening ในเดือนสิงหาคม 2568) นอกจากนี้ยังมีแผนเปิดเพิ่มอีก 1 สาขาในเดือนธันวาคม 2568 ส่งผลให้จำนวนสาขารวม ณ สิ้นไตรมาส 3/2568 อยู่ที่ 24 สาขา ขณะที่สาขา Dohome To Go อยู่ระหว่างการก่อสร้าง โดยคาดว่าจะเปิดได้อีก 10 สาขาภายในครึ่งหลังของปี 2568
คงคำแนะนำ “ถือ” (HOLD) ที่มูลค่าพื้นฐาน 4.30 บาท คำนวณด้วยวิธี P/E Multiple ที่ 18 เท่าของกำไรปี 2569 ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยของกลุ่มค้าปลีกวัสดุก่อสร้างและตกแต่งบ้านระดับโลก (จากเดิม 4.50 บาท) หลังจากปรับลดประมาณการกำไรปี 2568–2569 ลง 3%–9% เพื่อสะท้อนการฟื้นตัวของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ที่ชะลอกว่าคาด ทั้งนี้ บริษัท ดูโฮม จำกัด (มหาชน) จะรายงานผลประกอบการในวันที่ 7 พฤศจิกายน 2568.
ที่มา : www.thunhoon.com