ข่าวแจ้งตลาดหลักทรัพย์
Quick Big Recovery ฟื้นฟูน้ำท่วมสงขลา 5 แสนล้าน

มหาอุทกภัยที่ จ.สงขลา โดยเฉพาะ อ.หาดใหญ่ ถูกยกว่าเป็นภัยพิบัติหนักสุดในรอบ 300 ปี สร้างความเสียหายทั้งชีวิตประชาชน ทรัพย์สิน และเศรษฐกิจ คิดเป็นมูลค่าความเสียหายกว่า 5 แสนล้านบาท ประชาชนได้รับผลกระทบเกือบ 3 ล้านคน
ตามตัวเลขที่คณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติจังหวัด (ก.ช.ภ.จ.) สงขลา ได้ประชุมเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สรุปตัวเลขความเสียหายทั้ง 16 อำเภอ ของ จ.สงขลา รวม 528,352 ครัวเรือน
ประกอบด้วย อำเภอรัตภูมิ 26,929 ครัวเรือน อำเภอเมืองสงขลา 57,073 ครัวเรือน อำเภอคลองหอยโข่ง 10,863 ครัวเรือน อำเภอระโนด 24,218 ครัวเรือน อำเภอกระแสสินธุ์ 5,906 ครัวเรือน อำเภอสะทิงพระ 9,387 ครัวเรือน อำเภอหาดใหญ่ 210,762 ครัวเรือน อำเภอควนเนียง 13,622 ครัวเรือน อำเภอนาทวี 25,872 ครัวเรือน อำเภอสิงหนคร 26,149 ครัวเรือน
อำเภอนาหม่อม 5,471 ครัวเรือน อำเภอบางกล่ำ 15,950 ครัวเรือน อำเภอจะนะ 33,874 ครัวเรือน อำเภอสะเดา 22,147 ครัวเรือน อำเภอเทพา 19,519 ครัวเรือน และอำเภอสะบ้าย้อย 20,610 ครัวเรือน
ซึ่ง ก.ช.ภ.จ.ได้ชงตัวเลขให้รัฐบาลจ่ายเงินช่วยเหลือ ครัวเรือนละ 9,000 บาท เป็นเงิน 4,755,168,000 บาท
ลดหนี้-ลดค่าใช้จ่าย-เติมเงินเข้ากระเป๋า
ขณะที่มาตรการฟากรัฐบาล เร่ง “ฟื้นฟู-เยียวยา” Big Quick Recovery ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจ ครั้งที่ 6/2568 (ครม.เศรษฐกิจ) ซึ่งมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย เป็นประธาน ได้คลอด 4 มาตรการหลัก คือ มาตรการลดหนี้ มาตรการเติมเงินในกระเป๋า และมาตรการลดภาระค่าใช้จ่าย แบ่งเป็น
1.มาตรการลดภาระหนี้ และปล่อยสินเชื่อ โดยจะพักเงินต้นและดอกเบี้ย 0% นาน 12 เดือน วงเงินไม่เกิน 1 ล้านบาทต่อราย ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะผ่อนเกณฑ์ไม่ให้เป็นหนี้เสีย หรือ NPL
สำหรับสินเชื่อเยียวยา ให้ผู้ประสบภัยกู้เพิ่มภายใต้วงเงินกู้เดิมรายละไม่เกิน 1 แสนบาท ดอกเบี้ย 0% นาน 12 เดือน อนุมัติวงเงินโดยเร็ว และสินเชื่อฟื้นฟู ดอกเบี้ยต่ำ 0% นาน 12 เดือน ไม่เกิน 1 ล้านบาท โดย ธปท. และสมาคมธนาคารไทย จะไปออกแบบมาตรการต่าง ๆ
ขณะที่มาตรการช่วยเหลือ SMEs จะมีสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ หรือซอฟต์โลน โดยมีบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม หรือ บสย. มาค้ำประกันให้ โดยนำต้นแบบสินเชื่อจาก 3 จังหวัดชายแดนใต้มาปรับใช้
สำหรับมาตรการช่วยเหลือเร่งด่วนจากเหตุการณ์น้ำท่วม จะดำเนินการโดยใช้เงินทุนของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ หรือ SFIs ทั้งหมด โดยไม่กระทบต่องบประมาณของภาครัฐ เนื่องจากไม่ได้ใช้เงินของรัฐ แต่เป็นความร่วมมือของสถาบันการเงินที่ต้องการช่วยเหลือประชาชน
ส่วนแหล่งเงินทุนที่ใช้จากมาตรการพักหนี้และสินเชื่อข้างต้นจะใช้เงินของสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ โดยจะตั้งเป็นบัญชี PSA (Public Service Account) เพื่อให้ความเป็นธรรม หากเกิดความเสียหายขึ้น ภาครัฐจะเข้ามาดูแล
2.มาตรการเพิ่มเงินในกระเป๋า ส่วนหนึ่งเป็นเงินเยียวยา 9,000 บาท โดย ครม.ได้อนุมัติงบฯกลางที่จะเบิกให้กับประชาชนครัวเรือนละ 9,000 บาท ซึ่งทางกระทรวงมหาดไทยได้เตรียมระบบไว้เรียบร้อยแล้ว เพื่อให้ประชาชนได้มีเงินสดในมือโดยเร็ว
ขณะที่กระทรวงการคลังได้ขยายเงินทดรองเพื่อให้เอามาใช้จ่ายจังหวัดละ 100 ล้านบาท และจะมีการผ่อนเกณฑ์ในการเบิกจ่ายในระเบียบต่าง ๆ ให้สามารถใช้ในกรณีฉุกเฉินเพื่อมาช่วยประชาชนที่ต้องการความช่วยเหลือ
ด้านประชาชนที่ทรัพย์สินเสียหาย ทางคณะกรรมการกำกับส่งเสริมธุรกิจประกันภัย หรือ คปภ. จะจ่ายให้ไม่เกิน 20,000 บาท สำหรับที่อยู่อาศัย/ร้านค้า 30,000 บาท (มีประกัน)/รถยนต์ ถ่ายรูปมาเคลมได้เร็วขึ้น จากการถ่ายรูปรถคู่กับทะเบียนและระดับน้ำที่ท่วม
สำหรับแรงงาน กรณีเงินนำส่งประกันสังคมจะขยายให้ทั้งหมด ส่วนลูกจ้างจะมีการจ่ายเงินทดแทนกรณีว่างงาน ร้อยละ 50% ของค่าจ้าง สูงสุดไม่เกิน 180 วัน ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานจะมีสินเชื่อให้ผู้ประกอบการเพื่อส่งเสริมการจ้างงาน โดยมีลูกจ้างไม่เกิน 200 คน กู้ได้ไม่เกิน 15 ล้านบาท
3.มาตรการลดภาระค่าใช้จ่าย จะมีการขยายการจ่ายค่าภาษีและค่าธรรมเนียมทั้งหมด พร้อมลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในพื้นที่ประสบภัยตามความต้องการของผู้ประกอบการ
ขณะที่ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับการซ่อมแซมสินทรัพย์ตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 100,000 บาท และลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดากรณีซ่อมแซมรถยนต์ตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 30,000 บาท
สำหรับผู้ประกอบการที่มีค่าใช้จ่ายซ่อมแซมทรัพย์สิน สามารถหักลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า นอกจากนี้ สำหรับผู้ที่บริจาคช่วยผู้ประสบภัย องค์กรสาธารณกุศลต่าง ๆ ก็สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้
4.มาตรการอื่น ๆ ด้านอื่น ๆ ได้แก่ การตรวจสอบความปลอดภัยบ้านเรือน สิ่งปลูกสร้าง ระบบน้ำ ไฟฟ้า และรางรถไฟของรัฐวิสาหกิจ การอำนวยความสะดวกจดทะเบียนห้างหุ้นส่วน-บริษัท การจัดหน่วยบริการเคลื่อนที่ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ เพื่อลงพื้นที่ให้คำปรึกษาด้านการค้าระหว่างประเทศ รวมถึงอำนวยความสะดวกการยื่นงบการเงินและบัญชีผู้ถือหุ้น
รวมถึงมอบหมายให้ธนาคารแห่งประเทศไทยพิจารณามาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ธนาคารพาณิชย์ และผู้ให้บริการทางการเงิน Nonbank ที่ประสบอุทกภัยให้สอดคล้องกับแนวทางช่วยเหลือของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ
นอกจากนี้ การยกเว้นการเก็บค่าเช่าที่ราชพัสดุเพื่อให้ความช่วยเหลือผู้เช่าที่ราชพัสดุที่ประสบอุทกภัย การงดหรือลดค่าปรับให้แก่คู่สัญญาที่ทำจัดซื้อจัดจ้าง การลดค่าน้ำประปาในพื้นที่อุทกภัย การเตรียมจัดงานธงฟ้าเยียวยาค่าครองชีพ โดยเน้นสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการทำความสะอาดหลังน้ำลดและอุปโภคบริโภคจำเป็น การบรรเทาภาระด้านเงินทุนสำหรับผู้ประกอบการสินค้า GI (Geographical Indication) การเว้นค่าเช่าและค่าเช่าซื้อ เป็นต้น
มหกรรมลดราคาสินค้า สูงสุด 80%
ขณะที่มาตรการของกระทรวงพาณิชย์ ลดภาระค่าใช้จ่าย ของกระทรวงพาณิชย์จะช่วยเหลือ เยียวยา ฟื้นฟูผู้ประสบภัยภาคใต้ แบ่งเป็น 3 ระยะ
ระยะที่ 1 ช่วยเหลือเร่งด่วน ด้วยการส่งสินค้าอุปโภคบริโภคและสิ่งของจำเป็นให้ประชาชน โดยจะจัดงานธงฟ้าลดสูงสุด 80%
โดยสินค้าจำเป็นลดสูงสุดกว่า 50% ร่วมกับผู้ผลิตสินค้า 16 ราย แบ่งเป็นหมวดของใช้ประจำวัน ได้แก่ บริษัท ดีเอสจี อินเตอร์เนชั่นแนล ยูนิลีเวอร์ไทย โอสถสภา ยูนิชาร์ม เอิร์ธ (ประเทศไทย) นีโอ คอร์ปอเรท หมวดอาหาร ได้แก่ ผู้ผลิตปลากระป๋อง โดยบริษัท ไทยยูเนี่ยนฯ ยูนิคอร์ด รอแยลฟูดส์ ไฮคิว ผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป โดยบริษัท สหพัฒน์ วันไทยอุตสาหกรรมการอาหาร โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย และผู้ผลิตนมพร้อมดื่ม โดยมีบริษัท ดัชมิลล์ ฟรีสแลนด์คัมพิน่า และเนสท์เล่ (ไทย)
ในส่วนของห้างค้าปลีก-ค้าส่ง รายใหญ่ 8 ราย ได้แก่ ซีพีแอ็กซ์ตร้า (แม็คโคร โลตัส) บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ เซ็นทรัล โฮลเซลล์ และเซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล (ท็อป โก โฮลเซลล์) เดอะมอลล์ กรุ๊ป ซี.เจ. เอ็กซ์เพรส ซีพี ออลล์ (7-11) และสมาคมผู้ค้าปลีกไทย ร่วมกันลดราคาสินค้าจำเป็น เช่น อาหาร นม ข้าวสาร บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง ของใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น ผงซักฟอก สบู่ โลชั่น รวมถึงอุปกรณ์ทำความสะอาดพื้นฐานและเครื่องใช้ไฟฟ้าครัวเรือน
ลดภาระค่าซ่อมแซมบ้านเรือน วัสดุก่อสร้างลดสูงสุด 88% ได้รับความร่วมมือจากห้างวัสดุก่อสร้างรายใหญ่ 6 ราย ได้แก่ เอสซีจี ไทวัสดุ โฮมโปร ดูโฮม โกลบอลเฮ้าส์ และเมกาโฮม ลดราคาวัสดุที่จำเป็นต่อการซ่อมแซมบ้านเรือน พร้อมบริการช่างซ่อมแซมบ้านเรือน สำหรับครัวเรือนที่ได้รับความเสียหายหนัก
ลดภาระซ่อมแซมยานพาหนะ บริการศูนย์รถยนต์ลดสูงสุด 18% ได้รับความร่วมมือจากศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจร ได้แก่ B-Quik TyrePlus COCKPIT และผู้ประกอบการยานยนต์จังหวัดสงขลาและใกล้เคียง
ระยะที่ 2 การเยียวยา ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการเพื่อช่วยเหลือประชาชนให้เข้าถึงอุปกรณ์ซ่อมแซมบ้าน ยานพาหนะ เครื่องใช้ไฟฟ้าที่จำเป็น เพื่อให้ประชาชนสามารถเดินทางและฟื้นฟูที่อยู่อาศัยได้อย่างสะดวก
ระยะที่ 3 การฟื้นฟู โดยจะจัดมหกรรมธงฟ้า ส่งเสริมอาชีพผ่านแฟรนไชส์ราคาประหยัด เปิดจุดจำหน่ายสินค้า และจัดงานแสดงสินค้าภาคใต้ พร้อมจัดหน่วยเคลื่อนที่ให้เข้าถึงชุมชนที่เข้าถึงยาก และนำผู้ประกอบการแฟรนไชส์ต่าง ๆ ลงพื้นที่เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนสมัครเพื่อสร้างอาชีพใหม่ โดยกระทรวงพาณิชย์จะประสานกับกระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อสนับสนุนค่าใช้จ่ายบางส่วนสำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นธุรกิจแฟรนไชส์ นอกจากนี้ กรมพัฒนาธุรกิจการค้ายังได้ร่วมมือกับ SME D Bank เพื่อช่วยผู้ประกอบการรายย่อยให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้
แรงงาน จ้างงานเร่งด่วน 300/วัน
กระทรวงแรงงานได้ออกมาตรการเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย จำนวน 7 มาตรการ ดังนี้ 1.จ้างงานเร่งด่วน วันละ 300 บาท ไม่เกิน 10 วัน จำนวน 4,000 คน 2.เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ ผ่านกองทุนผู้ใช้แรงงาน เยียวยา สถานประกอบการและลูกจ้างที่ประสบภัยน้ำท่วมภาคใต้ด่วนที่สุด 3.เงินกู้กองทุนเพื่อผู้ใช้แรงงาน นำไปปล่อยกู้ให้ลูกจ้างใช้ซ่อมแซมที่อยู่อาศัยหรือฟื้นฟูอาชีพ 4.เงินกู้กองทุนความปลอดภัย สำหรับนายจ้างที่สถานประกอบกิจการได้รับความเสียหายหรืออุปกรณ์ไม่มีความปลอดภัย เพื่อนำไปปรับปรุง ซ่อมแซมอุปกรณ์หรือเครื่องจักรเพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการทำงาน
5.เงินค่าจ้าง 50% นาน 6 เดือน กรณีว่างงานจากเหตุสุดวิสัย ภัยพิบัติ 6.เงินค่าทำศพ สำหรับผู้ประกันตนมาตรา 33 รายละ 50,000 บาท และมาตรา 40 รายละ 25,000 บาท 7.เปิดศูนย์ซ่อมรถจักรยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ในพื้นที่ประสบภัย 48 ศูนย์ และ 9 จังหวัดในภาคใต้
อุตสาหกรรมจัด พักหนี้-ดีพร้อมช่วยฟื้น
ขณะที่กระทรวงอุตสาหกรรม โดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (DIPROM) เร่งช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ในพื้นที่ภาคใต้ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย โดยออกมาตรการ “พักหนี้-ดีพร้อมช่วยฟื้น” เพื่อบรรเทาภาระการเงินและเสริมสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการกลับมายืนได้อีกครั้ง
มาตรการช่วยเหลือประกอบด้วย พักชำระหนี้ต้น-ดอก สูงสุด 4 เดือน สำหรับลูกหนี้เดิม, ปรับลดค่างวด-ขยายระยะเวลาชำระหนี้ให้นานขึ้น (ไม่เกิน 2 ปี), ลูกหนี้รายใหม่ขอสินเชื่อ “เงินง่าย ฟื้นได้ ช่วยภัยพิบัติ” วงเงินรายละไม่เกิน 5 แสนบาท ดอกเบี้ย 0% นาน 6 เดือนแรก, พักชำระหนี้ดอกเบี้ยอีก 3 เดือน สำหรับรายที่ต้องการบรรเทาเร่งด่วน, กรณีลูกหนี้เดิมที่ได้รับผลกระทบหนัก สามารถขอรีไฟแนนซ์ (Refinance) ลดภาระดอกเบี้ยได้
ก.เกษตรฯคลอดเกณฑ์ชดเชยปศุสัตว์
สำหรับการเยียวยาความเสียหายด้านปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์สั่งการให้เร่งเยียวยาความเสียหายด้านปศุสัตว์ โดยเร่งสำรวจความเสียหายหลังน้ำลด พร้อมคลอดเกณฑ์ชดเชย อาทิ
1.โค อายุน้อยกว่า 6 เดือน อัตราตัวละไม่เกิน 13,000 บาท อายุ 6 เดือนถึง 1 ปี อัตราตัวละไม่เกิน 22,000 บาท อายุ 1-2 ปี อัตราตัวละไม่เกิน 29,000 บาท อายุ 2 ปีขึ้นไป อัตราตัวละไม่เกิน 35,000 บาท ช่วยเหลือไม่เกินรายละ 5 ตัว
2.กระบือ อายุน้อยกว่า 6 เดือน อัตราตัวละไม่เกิน 15,000 บาท อายุ 6 เดือนถึง 1 ปี อัตราตัวละไม่เกิน 24,000 บาท อายุ 1-2 ปี อัตราตัวละไม่เกิน 32,000 บาท อายุ 2 ปีขึ้นไป อัตราตัวละไม่เกิน 39,000 บาท ช่วยเหลือไม่เกิน รายละ 5 ตัว
3.สุกร อายุ 1-30 วัน อัตราตัวละไม่เกิน 1,500 บาท อายุ 30 วันขึ้นไป อัตราตัวละไม่เกิน 3,000 บาท ช่วยเหลือไม่เกิน รายละ 10 ตัว 4.แพะ/แกะ อายุ 1-30 วัน อัตราตัวละไม่เกิน 1,500 บาท อายุ 30 วันขึ้นไป อัตราตัวละไม่เกิน 3,000 บาท ช่วยเหลือไม่เกิน รายละ 10 ตัว
5.ไก่พื้นเมือง/ไก่งวง อายุ 1-21 วัน อัตราตัวละไม่เกิน 30 บาท อายุ 21 วันขึ้นไป อัตราตัวละไม่เกิน 80 บาท ช่วยเหลือไม่เกิน รายละ 300 ตัว 6.ไก่ไข่ อายุ 1-21 วัน อัตราตัวละไม่เกิน 30 บาท อายุ 21 วันขึ้นไป อัตราตัวละไม่เกิน 100 บาท ช่วยเหลือไม่เกิน รายละ 1,000 ตัว 7.ไก่เนื้อ อายุ 1-21 วัน อัตราตัวละไม่เกิน 20 บาท อายุ 21 วันขึ้นไป อัตราตัวละไม่เกิน 50 บาท
ที่มา prachachat