News Clippings and IR Press Releases
DOHOMEยอดขายนิวไฮ อัดฉีด2พันล้านเพิ่มสาขา
ทันหุ้น - DOHOME มองปี 2565 ยอดขายยังทุบสถิติ วางเป้า SSSG เติบโตไม่ต่ำกว่า 10-20% รับอานิสงส์มาตรการรัฐ 'ช้อปดีมีคน' คาดดันยอดขายได้เพิ่ม 1-2% อัดฉีดงบ 2 พันล้านบาท คลอดสาขาใหญ่ 5 แห่ง และทูโก 8 แห่ง ส่งซิกผลงานโค้งท้ายปีพีค ฟุ้ง SSSG ทะลุ 38-40%
นางสลิลทิพ เรืองสุทธิภาพ รองกรรมการผู้จัดการสายงานบัญชี การเงิน และสนับสนุนองค์กร บริษัท ดูโฮม จำกัด (มหาชน) หรือ DOHOME เปิดเผยว่า ประเมินภาพรวมธุรกิจในปี 2565หากไม่มีปัจจัยเชิงลบเข้ามากระทบ บริษัทมองว่าจะยังคงมีการเติบโตที่ดีขึ้นจากปีนี้ จากสภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่มีแนวโน้มการกลับมาฟื้นตัวเพิ่มขึ้น หลังจากที่ภาครัฐปลดล็อกดาวน์และเปิดประเทศให้ต่างชาติเดินทางมาท่องเที่ยว รวมถึงทำกิจกรรมการค้าต่างๆ ส่งผลให้คาดว่าผลการดำเนินงานจะทำลายสถิติสูงสุดใหม่ได้อย่างต่อเนื่อง
*SSSG ยืนเหนือ 20%
ทั้งนี้ บริษัทวางเป้าหมายการเติบโตของยอดขายต่อสาขาเดิม (SSSG) ในปี 2565ไว้ที่เฉลี่ยไม่ต่ำกว่าระดับ 10-20%ขณะเดียวกันยังคงเดินหน้าหาผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาจำหน่ายภายในร้านเพิ่มเติม จากปัจจุบันที่มีสินค้าทั่วไป (Natural Brand) มากกว่า 100,000 รายการ (SKUs) และมีสินค้าแบรนด์บริษัทเอง (House Brand) ครอบคลุมในสินค้าก่อสร้าง ซ่อมแซม และตกแต่ง มากกว่า 20,000 SKUs ซึ่งในส่วนนี้ให้มาร์จิ้นที่ค่อนข้างดีอยู่ที่ระดับ 35-37%ทำให้คาดว่าจะผลักดันให้สัดส่วนยอดขายในปีหน้าเพิ่มเป็นกว่า 20% จากสิ้นปีนี้ที่คาดว่าจะแตะระดับ 16% ของยอดขายรวม
นอกจากนี้ บริษัทคาดว่าจะได้รับอานิสงส์จากการที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติเห็นชอบและรับทราบมาตรการของขวัญปีใหม่ ในการกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจปี 2565เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้ฟื้นตัว และทำให้เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 1/2565 เติบโตเพิ่มขึ้นอีก 0.7%โดยเฉพาะมาตรการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ประชาชน 'โครงการช้อปดีมีคืน' ซึ่งผู้เสียภาษีเงินได้สามารถนำไปหักลดหย่อนค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการในประเทศกับผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
*มาตรการรัฐกระตุ้นยอดขาย
รวมถึงค่าซื้อหนังสือและค่าบริการหนังสือที่อยู่ในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต และค่าสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ ได้ตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 30,000 บาท ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-15 กุมภาพันธ์ 2565 ทั้งนี้ ปกติในช่วงไตรมาส 1 ของทุกปีเป็นไฮซีซันของธุรกิจ ดังนั้นจึงเป็นช่วงที่มียอดขายสูงกว่าไตรมาสอื่นๆ อยู่แล้ว และด้วยมาตรการรัฐครั้งนี้เข้ามาร่วมทำให้บริษัทคาดว่าจะสามารถกระตุ้นยอดขายในช่วงไตรมาส 1/2565ได้เพิ่มประมาณ 1-2%ของยอดขายโดยรวม
ทั้งนี้ในปี 2565 บริษัทเตรียมเปิดสาขาขนาดใหญ่ (ไซซ์ L) ในพื้นที่ ภาคอีสาน 2 สาขา, ภาคเหนือ 1 สาขา, ภาคตะวันตก 1 สาขา, ภาคใต้ 1 สาขา รวมเป็น 5 สาขา ซึ่งปัจจุบันมีที่ดินรองรับทั้งหมดแล้ว เบื้องต้นบริษัทวางงบลงทุนไว้รองรับในส่วนของการลงทุนก่อสร้างที่ประมาณ 2,000-2,250 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามแผนธุรกิจที่จะมุ่งเน้นเปิดสาขาขนาดใหญ่ในหัวเมืองใหญ่ ที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง โดยวางเป้าเปิดสาขาใหม่ต่อปีที่ 5 สาขา เเละครบ 36 สาขาตามเป้าหมายในปี 2568นอกจากนี้บริษัทมองการเพิ่มสาขาขนาดเล็ก (Dohome to Go) อีกไม่น้อยกว่า 8 สาขา
*จับตาผลงานนิวไฮ
สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2564 บริษัทคาดว่าจะเติบโตดีกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน และคาดว่าจะดีอย่างต่อเนื่องจากเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าที่มีรายได้อยู่ที่ 6,034.60 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 340.39 ล้านบาท จากสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่คลายตัวลง ภาครัฐปลดล็อกดาวน์ การทำกิจกรรมการค้า ความต้องการการบำรุงซ่อมแซมที่พักอาศัยกลับมา ส่งผลให้คาดว่าในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ SSSG จะทรงตัวระดับสูงที่กว่า 38-40%
อย่างไรก็ตาม บริษัทมั่นใจว่าผลการดำเนินงานในปี 2564 จะสามารถทำสถิติสูงสุดใหม่ จากปีก่อนที่มีรายได้รวมที่ 18,924.82ล้านบาท และมีกำไรสุทธิที่ 726.68 ล้านบาท โดยผลการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ สามารถสร้างรายได้แล้วที่ระดับ 18,604.98 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,484.86 ล้านบาท และคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นและอัตรากำไรสุทธิเฉลี่ยรวมทั้งปี 2564จะยังทรงตัวดีเหนือ 20% และ 7-9% ตามลำดับ และคาดจะเห็นการเติบโตของรายได้ไม่น้อยกว่า 30% จากปีก่อน
'ราคาเหล็กในปี 2565เรามองว่าความไม่แน่นอนยังคงมีอยู่สูง เพราะราคามีความผันผวนตามดีมานด์และซัพพลายของตลาดโลก แต่ไม่ว่าอย่างไรเรายังคงกลยุทธ์ในการเมนเทนมาร์จิ้นสินค้าเหล็กให้อยู่ในระดับตัวเลข สองหลัก ได้อย่างต่อเนื่อง และคาว่าสัดส่วนยอดขายสินค้าเหล็กในปีหน้าคงเปลี่ยนแปลงไม่มากนัก เพราะสินค้า House Brand และสินค้า Natural Brand เองยังคงมีแนวโน้มการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งเรายังขยายสาขาใหม่อย่างต่อเนื่อง ทั้งไซซ์ L และ To Go อีก 5 และ 8 สาขา ตามลำดับ จากสิ้นปีนี้ที่มีสาขาไซซ์ L 16 สาขา และ To Go 15 สาขา' นางสลิลทิพ กล่าว
ที่มา : www.thunhoon.com