News Clippings and IR Press Releases

DOHOME ปั้มยอดพุ่ง20% มั่นใจโค้ง3คุมต้นทุนได้ดี


#DOHOME #ทันหุ้น - DOHOME อวดยอดขายรวมเดือนก.ค.-ก.ย.65 แตะที่ระดับกว่า 20% แม้เข้าสู่ช่วงโลวซ๊ซันฤดูฝน-พายุเข้า ฟุ้ง SSSG อยู่ที่ระดับเฉลี่ยกว่า 8-10% มองมาร์จิ้นในไตรมาส 3/65 มีแนวโน้มดีขึ้นจากไตรมาสก่อน หลังทยอยขยับขึ้นราคาสินค้าหลายรายการ เพื่อสอดรับต้นทุนที่สูงขึ้น คาดยอดขายไตรมาส 4/65 พีค

นางสลิลทิพ เรืองสุทธิภาพ รองกรรมการผู้จัดการสายงานบัญชี การเงิน และสนับสนุนองค์กร บริษัท ดูโฮม จำกัด (มหาชน) หรือ DOHOME เปิดเผยว่า ภาพรวมยอดขายในช่วงเดือนกรกฎาคม - เดือนกันยายน 2565ยังคงมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่องแบบตัวเลข 2 หลัก หรือประมาณกว่า 20% จากไตรมาสก่อนหน้า ยอดขายต่อสาขาเดิม (SSSG) อยู่ที่ระดับเฉลี่ยกว่า 8-10%ซึ่งยังคงเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้

กำลังซื้อฟื้น

แม้ว่าตามปกติของไตรมาส 3 ทุกปีจะเป็นโลวซีซันของธุรกิจ ตามปัจจัยฤดูกาลหน้าฝนทำให้เป็นอุปสรรค์ต่องานเกี่ยวเนื่องกับการก่อสร้าง ประกอบกับในปีนี้มีพายุและฝนตกหนักเข้ามาอย่างต่อเนื่องในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ต้องยอมรับว่ามีผลกระทบต่อกำลังซื้ออยู่บ้าง แต่จากปัจจัยการเปิดประเทศและการกระตุ้นการท่องเที่ยว ส่งผลให้ผู้ประกอบการร้านค้า คาเฟ่ ร้านอาหาร โรงแรม และ รีสอร์ท หันกลับมาลงทุนซ่อมแซมและบำรุงรักษาที่พักกันมากขึ้น

รวมถึงผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ยังคงเดินหน้าลงทุนโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง ทำให้คาดว่าคำสั่งซื้อจากกลุ่มลูกค้าผู้รับเหมาก่อสร้างจะเพิ่มเข้ามา นอกจากนี้ ด้วยผลผลิตทางการเกษตรที่มีคุณภาพและปริมาณสูง รวมถึงมีราคาที่ดีในปีนี้ ทำให้คาดว่าช่วยกระต้นกำลังซื้อและการใช้จ่ายในกลุ่มลูกค้าภาคการเกษตรได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 4ที่นับว่าเป็นช่วงพีคของยอดขายรองลงมาจากไตรมาส 1

นอกจากนี้ ในไตรมาส 3/2565 มองว่าจะสามารถขยับขึ้นราคาขายสินค้าบางรายการได้ ให้สอดคล้องกับต้นทุนที่นำเข้ามา ขณะเดียวกันค่าระวางเรือกลับมาย่อตัวลงและไม่ผันผวนรุนแรงเหมือนที่ผ่านมาในไตรมาส 2/2565ทำให้บริษัทสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้ดีมากขึ้น จึงคาดว่าจะช่วยสนับสนุนอัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาสนี้กลับมาอยู่ในระดับที่เป็นปกติได้ และดีขึ้นอย่างชัดเจนในไตรมาส 4/2565 เป็นต้นไป

เร่งผุดเฮาส์แบรนด์

นอกจากนี้ ในปี 2565บริษัทยังคงเป้าในการเพิ่มสัดส่วนสินค้าที่แบรนด์ของบริษัท (House Brand) ที่ประมาณ 18% ซึ่งเป็นสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูงกว่าสินค้าปกติ 1 เท่าตัว รวมถึงการออกสินค้าใหม่ๆ ในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ในแต่ละไตรมาสเพื่อเข้ามาเสริมยอดขายมากยิ่งขึ้น ส่วนสินค้าเหล็กมองว่าในปีนี้ไม่น่ากังวลแม้ว่าราคาเหล็กจะแกว่งตัวผันผวน และมั่นใจการบริหารจัดการที่ดีได้ต่อเนื่อง ทำให้คาดว่าสินค้ากลุ่มเหล็กจะยังสร้างมาร์จิ้นได้เหนือระดับ 10% ได้ต่อไป

แผนการลงทุนในช่วงครึ่งปีหลังนี้บริษัทเหลือเปิดสาขาไซส์ L ใหม่ อีก 2 สาขา คือ จังหวัดบุรีรัมย์ และชัยภูมิ คาดใช้เงินลงทุนต่อสาขาเฉลี่ยที่ 500 ล้านบาท ไม่รวมค่าก่อสร้างและสินค้าคงคลัง โดยปัจจุบันทั้ง 2 สาขาอยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะแล้วเสร็จและสามารถเปิดให้บริการได้ตามแผนไม่เกินต้นไตรมาส 4/2565 ส่งผลให้สิ้นปีนี้จะมีสาขาไซส์ L เพิ่มเป็น 21 สาขา จากสิ้นปีก่อนที่มี 16 สาขา และยังคงเป้าหมายภายในปี 2568 จะมีสาขาไซส์ L ทั้งสิ้น 36 สาขาทั่วประเทศ

ที่มา : www.thunhoon.com