News Clippings and IR Press Releases

สรุปผลประกอบการ 3 หุ้นค้าปลีกวัสดุก่อสร้าง


ในช่วงเวลานี้นับเป็นช่วงของการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหุ้นไทย ซึ่งกลุ่มหุ้นค้าปลีกวัสดุก่อสร้าง นับเป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่น่าติดตาม เนื่องจากส่วนหนึ่งสามารถสะท้อนถึงกำลังซื้อของประชาชนและภาวะเศรษฐกิจได้ด้วย

ซึ่งในวันนี้ “สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย” จึงได้ทำการรวบรวมกำไรโค้งแรกของปี 67 สำหรับ 3 หุ้นค้าปลีกวัสดุก่อสร้าง ซึ่งประกอบด้วย  บมจ.โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ (HMPRO) , บมจ. สยามโกลบอลเฮ้าส์ (GLOBAL) และ บมจ.ดูโฮม(DOHOME) ว่าผลประกอบการเป็นอย่างไรบ้าง

สำหรับ HMPRO ปีนี้วางกลยุทธ์เชิงรุกรับครึ่งปีหลัง ภายใต้ความท้าทายจากเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่อ่อนแอ อย่างไรก็ตาม บริษัท มั่นใจว่า เมื่อเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว โฮมโปรจะสามารถกลับมาเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งในระยะยาว เพราะได้วางรากฐานธุรกิจไว้อย่างรอบด้าน ทั้งในด้านสินค้า บริการ พื้นที่ขาย และการดูแลลูกค้า

นอกจากนี้ กลยุทธ์บริษัทให้ความสำคัญกับการใช้พื้นที่ขายอย่างคุ้มค่าผ่านโมเดล Hybrid Store ควบคู่กับการยกระดับบริการ CHANG HomePro ให้ครอบคลุมความต้องการของลูกค้ามากขึ้น รวมถึงการพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์ และจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง เช่น HomePro Super Expo และ Double Day ซึ่งช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายและเพิ่มความถี่ในการเข้าชมทั้งหน้าร้านและออนไลน์

ขณะที่ GLOBAL บริษัทยืนยันว่าจะเปิดสาขาใหม่ 7 สาขาในปีนี้ เนื่องจากการก่อสร้างได้ดำเนินไปได้ด้วยดีแล้ว แต่อาจพิจารณาขยายสาขาในปีหน้าใหม่ หากภาวะเศรษฐกิจยังคงอ่อนแอ ในด้านบวกสาขาทั้งสองแห่งในกัมพูชามียอดขายเติบโตเป็นบวกในเดือนมิถุนายน ซึ่งได้รับประโยชน์จากการปิดด่านพรมแดนชั่วคราว ทำให้เกิดการใช้จ่ายภายในประเทศขึ้น

โดยการขยายสาขาช่วง 2Q25 บริษัทเปิดสาขาใหม่ระหว่างไตรมาส 1 สาขา ที่บ้านดุง (อุดรธานี) รวมเป็น 5 สาขาในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ทำให้บริษัทมีสาขาทั้งหมด 94 แห่งใน 2Q25 จาก 89 แห่งใน 2Q24 (+6%YoY) แบ่งเป็นสาขาในประเทศ 92 สาขา และ สาขาในกัมพูชา 2 สาขา

ส่วน DOHOME โดยปีนี้บริษัทกลับมาเดินหน้าเปิดสาขาใหม่ โดยมีแผนเปิดสาขาใหญ่อีก 3 สาขา โดยจะเปิดตั้งแต่ไตรมาส 2 เป็นต้นไป ไตรมาสละ 1 สาขา   และมีเปิด DoHome to go  อีก 10-12 สาขา มีเป้าหมายเปิด 5 สาขาภายในไตรมาส 2/68 และอีก 5 สาขาในไตรมาส 3 ที่เหลือเปิดในไตรมาส 4/68  จะมีรายได้ที่รับรู้เข้ามาสำหรับสาขาใหม่

ขณะที่นักวิเคราะห์ เองประเมินแนวโน้มในไตรมาส 3  ยังคงอ่อนแอ โดย SSSG ยังคงลดลงอย่างต่อเนื่องในระดับ high-single-digit ผลการดำเนินงานในเดือนก.ค.อยู่ที่ตัวเลขติดลบในระดับ high-single-digit และเดือนส.ค.ปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยเป็นตัวเลขติดลบในระดับ mid-to-high-single-digit สถานการณ์ได้พลิกกลับจากไตรมาสก่อนหน้า โดยกลุ่ม POS กำลังปรับตัวดีขึ้น ขณะที่กลุ่ม Back Office กลายเป็นปัจจัยหลักที่กดดันผลการดำเนินงานอันเนื่องมาจากปัญหาการขาดแคลนเหล็กอย่างต่อเนื่อง

ที่มา : www.efinancethai.com